| มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย | |
|
|
|
เธเธนเนเธเธฑเนเธ | เธเนเธญเธเธงเธฒเธก |
---|
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Mon Jan 15, 2007 11:49 am | |
| ไม่นานก๋วยเตี๋ยวสามชามก็นำมาตั้งตรงหน้าคนสามคน เซเรน่าเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวแล้วยืนรีรออยู่แถวนั้น ทำเอาตรัยเริ่มระแวง
"คุณมีปัญหาอะไรอีกหรอ"
"แหม แค่ยืนแค่นี้ก็ว่ามีปัญหา ก็แค่จะถามว่าจะเอาน้ำอะไรแค่นี้แหละ" เซเรน่าแก้ตัวก่อนจะว่า "ถึงจะไม่ได้เรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารมาเหมือนพวกคุณชายในนิยายน้ำเน่าน่ะนะ แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างหรอก" เซเรน่าว่าแล้วยิ้มนิดๆ
ทั้งสามคนสั่งน้ำเปล่า ตามคำแนะนำของตรัย นัยว่ามันจะเป็นการดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำชนิดอื่น
เมื่อได้น้ำเปล่าแล้ว ตรัยเองก็ยังไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยว ด้วยยังไม่ไว้ใจสาวน้อยที่ยืนเมียงมองอยู่ ท่าทางยิ้มนั่นมันส่ออาการให้เห็นว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
มะยมและพุทราลงมือกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย แต่เมื่อหันไปมองตรัยก็ทำหน้าแปลกใจ
"อ้าว คุณหมอต่ายไม่กินหรอคะ ก๋วยเตี๋ยวน่าอร่อยออก ลองชิมก่อนนะคะ ยังไม่ต้องเติม"มะยมว่า ตรัยจึงยิ้มให้แล้วจำต้องตักกินตามมารยาท
ตรัยตักน้ำก๋วยเตี๋ยวขึ้นกินอย่างลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตาของแฝดสาวมองมาก็จำต้องส่งเข้าปาก พอลิ้นรับรสอาหารเท่านั้นเอง ชายหนุ่มก็ชะงักกึก วางช้อนก่อนจะหันไปมองเด็กเสิร์ฟที่มายืนด้อมๆมองๆ อยู่ทันที | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Mon Jan 15, 2007 11:50 am | |
| เซเรน่าทำหน้าลุ้น ก่อนจะเผลอถามออกมา "เป็นไง อร่อยป่ะ"
ตรัยไม่ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับเสียงเข้ม "เธอใส่อะไรลงไปในก๋วยเตี๋ยว"
"ก็ เปล่านี่ ชั้นไม่ได้ใส่อะไร ก็ใส่ไปตามปกติ หรือว่ามันมีอะไรผิดปกติหรอ" เซเรน่ารีบปฏิเสธทันที ประโยคท้ายทำเลียบๆเคียงๆ ถาม
"นั่นสิคะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่พุทราว่า มันก็อร่อยดีเหมือนทุกครั้งนะคะ" พุทราแสดงความคิดเห็น แต่ตรัยยังไม่ละสายตาไปจากเซเรน่า
"ตกลงว่าเธอเป็นคนทำก๋วยเตี๋ยวชามนี้แน่นะ"
"เอ้า ก็แน่ละสิ ทำไมหรอ ถามอยู่ได้ มันเป็นอะไรก็บอกมาสิ" เซเรน่าทำท่ารำคาญ ตรัยจึงว่า "มันก็...."
"ก็อะไร" สามสาวถามแทบจะพร้อมกัน ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวยอีก -*-
"ก็...อร่อยดี" สิ้นคำของตรัยทำเอาเซเรน่ายืนอึ้งไป "อร่อยจนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นคนทำ" แต่ประโยคหลังที่สำทับมานี่มันแปลกๆอยู่นะ เซเรน่าฟังแล้วเชิดหน้าอย่างภูมิใจ ก่อนจะค่อน
"นี่นายชมชั้นหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะชมใครเป็น"
"อ้าว พูดอย่างนี้หมายความว่าไง" ตรัยขมวดคิ้วอีกรอบ แต่เซเรน่าทำท่าไม่สนใจหยิบลูกชิ้นไม้ที่ถือติดมือมาด้วยเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเดินหนีไป ตรัยมองตามอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมามองลูกชิ้นในชาม แล้วตักขึ้นมากิน
"เอ้ยยยยยย..." ร้องออกมาได้เท่านั้น ใบหน้าที่ขาวนั้นก็แดงซ่านไปหมด ตรัยผะอืดผะอมจะคายก็ไม่ได้ มันจะเสียมารยาท จึงจำใจต้องกลืนลูกชิ้นลูกนั้นเข้าไปในลำคออย่างลำบากยากเย็น ก่อนจะรีบดื่มน้ำตามแก้วหนึ่งเต็ม ๆ ก็ยังไม่หายหน้าแดง
สาวแฝดหันมามองอย่างตกใจ มะยมรีบถามเมื่อเห็นอาการของตรัยไม่สู้ดี
"คุณหมอต่ายเป็นอะไรคะ หน้าตาแดงไปหมดเลย"
ตรัยหันขวับไปมองเซเรน่าที่เดินห่างออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าคนที่เพิ่งจากไปนั้นกำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่ นึกแล้วเจ็บใจ หันมาตักลูกชิ้นให้สองสาวดู
"ดูในลูกชิ้นสิครับ" ลูกชิ้นในชามของตรัยทุกลูกนั้นมีพริกขี้หนูเม็ดเขื่องสอดใส้ในไว้อย่างแนบเนียน แนบเนียนเสียจนตรัยนึกเจ็บใจ อุตส่าห์ระแวงแล้วเชียวนะ ยังจะแกล้งกันได้ แกล้งทำก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาให้กินให้ตายใจ ดันมายัดพริกขี้หนูใส่ลูกชิ้นมาให้อีก มันน่านัก...
หันไปมองคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะก่อนจะฮัมเพลงออกมาค่อนข้างดัง
" Oops ! I did it again I played with your heart,got lost in the game. Oh! Baby,Baby Oops!...You think I'm in love That I'm sent from above I'm not that innocent " | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Tue Jan 16, 2007 2:33 pm | |
| หมิงยืนมองเซเรน่าพร้อมกับจัดการลูกชิ้นปิ้งไม้สุดท้ายไปด้วย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเซเรน่าบอกให้เหลือไว้มั่งนี่หว่า ว้า ก็มันยิ่งกินยิ่งเพลินนี่นา หมิงบอกกับตัวเอง
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวตักลูกชิ้นในหม้อมาปิ้งให้เซเรน่าใหม่ก็ได้ ลูกชิ้นในหม้อยังเหลืออีกเยอะแยะไป หมิงคิดแล้วยิ้มเมื่อแก้ปัญหาได้ จัดการเปิดหม้อลูกชิ้น สาละวนเอากระบวยมาตักลูกชิ้น
พลันก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ
"จ๊ะเอ๋ น้องหมิงทำอะไรจ๊ะ" แล้วมือๆหนึ่งก็เอื้อมมาสะกิดที่แขน หมิงสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เพราะกำลังใจจดจ่ออยู่ที่หน้าร้าน มือเลยเผลอเล็งวิถีผิด แทนที่จะตักลูกชิ้นใส่ชาม ดันตักน้ำซุปร้อนๆ ราดมือคนสะกิดซะอย่างงั้น
น้ำซุปร้อนๆ จากเตา หอมอร่อยถ้าตักเข้าปาก
แต่ถ้าตักราดมือ ผลมันก็เลย
"โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" ร้อนฉ่าทุกองศา จนคนโดนราดต้องร้องออกมาเสียงดังโหยหวน พร้อมสะบัดมือไปมาเพื่อบรรเทาควาามร้อน
หมิงหันมาด้วยความตกใจ พร้อมกับอุทานออกมา "อ้าว พี่ตุ่น ชุมพล"
ถูกแล้ว พ่อพระเอกวัยรุ่น ตุ่น ชุมพล ขวัญใจแม่ยกกำลังสะบัดมือ หน้าตาเหยเกนั้นก็ยังดูหล่อเหลาแม้ในยามคับขัน หมิงรีบเอาน้ำเย็นมาทันที
"พี่ตุ่นใจเย็นนะคะ เดี๋ยวเอาน้ำเย็นราดคงจะดีขึ้น ใจเย็นๆค่ะ" ว่าแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง ราดน้ำเย็นลงไปบนมือของพี่ตุ่น ชุมพลทันที ได้ผล จากร้อนเป็นเย็น มือคลายความร้อนขึ้น แต่ยังร่องรอยเป็นปื้นแดงๆ หมิงมองแล้วยิ้มแหยๆ
"พี่ตุ่นเป็นไรมากไหมคะ หมิงไม่ได้ตั้งใจ"
พี่ตุ่น ชุมพลพยายามยิ้ม พร้อมเอื้อนเอ่ยวจี "พี่ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แค่นี้เรื่องเล็กน้อย หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว" หมายถึงความร้อนใช่ไหม ไม่ใช่น้ำหนักตัวนะ -*-
แต่หมิงก็ยังทำหน้ารู้สึกผิดอยู่ดี "แต่ว่าเมื่อกี้น้ำซุปมันร้อนมากเลยนะคะ หมิงต้องขอโทษด้วย"
"โธ่ น้องหมิงอย่าซีเรียสครับ พี่ไม่เป็นอะไรเลย แค่ความร้อนแค่นี้ไม่ทำให้พี่ตายหรอก ถ้าพี่จะตาย ก็คงจะตายเพราะ...ความรักมากกว่า" ฮิ้วววววววว พูดแล้วส่งยิ้มหวานไปให้ เล่นเอาหมิงเขินเล็กน้อย
"แต่พี่ตุ่นก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะหมิง เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวหมิงเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเป็นการไถ่โทษดีไหมคะ" หมิงว่า
"แหม จะดีหรือครับ เรื่องแค่นี้เอง" พี่ตุ่นว่าทำหน้าหล่อ ก่อนจะพูดต่อ "แต่ในเมื่อน้องหมิงจะเลี้ยง พี่ก็คงไม่ขัดใจ" โธ่เอ้ย นึกว่าจะปฏิเสธ
"งั้นมานั่งโต๊ะเลยค่ะ เดี๋ยวหมิงทำก๋วยเตี๋ยวให้กิน" แล้วหมิงก็พาพี่ตุ่นไปนั่งหน้าร้าน โต๊ะใกล้ๆกับตรัย มะยมและพุทรา
"พี่ตุ่นเอาเส้นอะไรดีคะ เส้นเล็กเส้นใหญ่มีหมด"
"ไม่เอาเส้นเล็กเส้นใหญ่ ขอเส้นใจได้ไหมจ๊ะ" ฮิ้วววววววววววววววววววว -*-
เอาอีกแล้วพ่อตุ่น ร้านก๋วยเตี๋ยวนะไม่ใช่โรงลิเก หมิงฟังแล้วเขินไปมา ขยับจะตอบก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
"เอ้าๆ รถโดยสารเที่ยวสุดท้ายจากทุ่งแมกโนเลียไปโคกสารินคร้าบบบบบบบบบบ เที่ยวสุดท้ายแล้วนะครับ ใครจะรีบไปก็ไป ใครไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ส่วนใครยังไม่ถึงเวลาไปก็ยังไม่ต้องรีบไป รอเที่ยวใหม่วันพรุ่งนี้ก็ได้นะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ.............อ้าวพี่ ถ้าไม่ไปผมจะออกจริงด้วยนะครับ ผมไม่ง้อนะคร้าบบบบบบ"
เสียงบุญก่อกระเป๋ารถนั่นเองที่เรียกลูกค้าอยู่ที่จอดรถสองแถวใกล้ๆ ร้าน หมิงเผลอหันไปมอง ขณะที่เห็นสายตาของกระเป๋ารถคันนั้นมองมา สายตาดุๆ นั้น ทำให้หมิงรีบหลบสายตาทันที หันมาบอกพี่ตุ่น
"พี่ตุ่นอย่าล้อเล่นสิคะ เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวหมิงทำสูตรเด็ดของที่ร้านมาให้พี่ตุ่นชิมแล้วกันนะคะ" หมิงรีบบอก แอบมองรถสองแถวคันนั้นอีกครั้ง ก็เห็นกำลังจะเคลื่อนตัวออกไป มีกระเป๋ารถโดยสารยืนผิวปากแบบอิมโพรไวส์เสียงอยู่ที่ท้ายรถ ท่าทางไม่แยแสใคร มีแต่สายตาเท่านั้นที่จ้องมาอย่างดุๆ ไม่ยอมเปลี่ยน
หมิงมองแล้วรีบหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านทันทีอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม | |
|
| |
nootty_plery ผู้ช่วยผู้จัดการ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 2882 อายุ : 32 หมายเลข PRFG : No.100 หมายเลขใน pantip : No.34 Registration date : 25/11/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Tue Jan 16, 2007 4:47 pm | |
| ต่อคะ ต่อ | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Wed Jan 17, 2007 10:35 pm | |
| พี่ตุ่นชุมพลนั่งส่งยิ้มให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมา จนรอยยิ้มนั้นไปปะทะเข้าไปสายตาของสองแฝดที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวโต๊ะถัดไป
"อุ๊ย นั่นพี่ตุ่น ชุมพลนี่นา" พุทราเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น ทำให้มะยมพลอยหันไปมองด้วย "ใช่จริงๆ ด้วย พุทรา ตายแล้วเราโชคดีจังที่มาเจอพี่ตุ่นที่นี่"
ตรัยมองตาม ก็เห็นพระเอกหน้าหล่อที่เคยเจอที่กลางถนนตอนขามา เขาจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่สองสาวนี่สิท่าทางจะตื่นเต้นเอามากๆ
"เราจะเข้าไปทัก ขอลายเซ็นดีไหม มะยม" พุทราถามพลางยิ้มอายๆ มะยมเองก็มีท่าทีตื่นเต้นไม่แพ้กัน "จะดีหรอ พี่ตุ่นเขาอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้นะ"
"แหม แต่แค่ขอลายเซ็นอย่างเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง นานๆจะได้เจอตัวจริงใกล้ๆ แบบนี้นะ" พุทราแย้งอย่างมีเหตุผล มะยมจึงเห็นด้วย "อืมๆ มันก็จริงนะ งั้นเราเข้าไปกันเลยไหม"
มะยมว่าแล้วหันมาทางตรัย "คุณหมอต่ายคะ เดี๋ยวมะยมกับพุทราต้องขอตัวสักครู่นะคะ พอดีพระเอกขวัญใจของพวกเรามาน่ะค่ะ โชคดีจริงๆ คุณหมอต่ายจะเอาลายเซ็นไหมคะ เดี๋ยวมะยมจะไปขอมาเผื่อ"
ตรัยทำหน้าแปลกๆ จะเอาไปทำไมล่ะ ลายเซ็นเนี่ย เขาเคยสงสัยทุกครั้งเวลาเห็นมีคนขอลายเซ็นดารา ก็เขาไม่รู้ว่าขอแล้วจะเอาไปทำอะไร
"อ๋อ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ขอบคุณมาก" ปฏิเสธอย่างสุภาพ สองสาวจึงขอตัวออกไปหาพี่ตุ่นชุมพลทันที
"พี่ตุ่นคะ นี่พุทรากับมะยมเอง จำได้หรือเปล่าคะ" พุทรากับมะยมเดินเข้ามาทักแล้วยิ้มหวานให้ พี่ตุ่นเงยหน้าขึ้นมา ทำหน้าเฉย
"สมองผมจำได้แต่คนสำคัญๆ เท่านั้นแหละครับ" พี่ตุ่นว่า เล่นเอาสองสาวทำหน้าผิดหวัง
"แต่หัวใจของพี่น่ะ จำน้องสองคนได้เสมอครับ" อ่ะฮิ้ววววววววววววววววววว ยังอุตส่าห์นะ -*-
สองสาวเขินไปมา แหม คารมพี่ตุ่น ชุมพลช่างคมคายยิ่งนัก
"แหม พี่ตุ่นเนี่ย ชอบพูดเล่นเรื่อยเลย" มะยมว่า พี่ตุ่นส่ายหน้าน้อยๆ "พี่ไม่ได้พูดเล่นครับ พี่พูดจริง หัวใจพี่มีแต่ความจริงใจเต็มเปี่ยม" อีกนิดนะ อีกนิดก็หากระโถนเตรียมอ้วกกันได้แล้วล่ะ -*-
"พุทราเชื่อแล้วค่ะ ว่าพี่ตุ่นจริงใจ" พุทราว่ายิ้มๆ "แล้วนี่ มากินก๋วยเตี๋ยวหรือคะ"
พี่ตุ่นพยักหน้า พลางคิดในใจ มานั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวคงจะมาซักผ้าหรอกมั้ง ปั๊ดโธ่ ถามมาได้ "พี่มากินก๋วยเตี๋ยวครับ น้องสองคนก็คงจะมาซักผ้า เอ้ย กินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ" สองสาวรีบรับ แล้วยิ้มหวาน ก๋วยต๋งก๋วยเตี๋ยวไม่ต้องกินมันแล้ว อิ่มใจเหลือจะกล่าว
"อ้อ น้องสองคนคงรู้แล้วใช่ไหม งานยกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ประจำปีที่วัดทุ่งแมกโนเลียเนี่ย คณะพี่ก็เล่นด้วยนะ"
"รู้แล้วสิคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ตุ่น งานนี้พวกเราจะไปนั่งจองแถวหน้าเป็นกำลังใจให้พี่แน่นอนค่ะ" พุทรารีบบอก ทำเอาพี่ตุ่นชุมพลยิ้มด้วยความพอใจ
ตรัยมองภาพนั้นอย่างงงนิดๆ ได้ยินเสียงคนเปรยมาข้างหลัง
"ตกกระป๋องซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ" เขาหันไปมอง เห็นเซเรน่านั่งกินลูกชิ้นปิ้งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง อีกมือถือถุงชาเย็น (สงสัยเพิ่งไปซื้อมาเมื่อกี้) ท่าทางสบายอารมณ์ สายตามองไปที่โต๊ะของพระเอกรูปหล่อที่มีสาวรุมล้อม แล้วเหลือบมามองคนหน้าบึ้งที่นั่งอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว
ดูไม่ดูเปล่า หัวเราะด้วย
"หมายความว่าไง" ตรัยถามหน้าบึ้งๆ
"เปล่านี่" รีบปฏิเสธ "ไม่ได้หมายความว่าไงสักหน่อย บังเอิญลูกชิ้นมันร่วงตกลงในกระป่องนมก็เลยบอกให้รู้น่ะ ฮ่าๆๆๆ ว่า ตกกระป๋อง ฮ่าๆๆๆๆ" | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Wed Jan 17, 2007 10:41 pm | |
| บริทนีย์เดินเล่นรอบอาณาเขตคฤหาสถ์ของคุณนายแจ่มอย่างเบื่อๆ ทีแรกก็สนุกดีหรอก ก็แหม คฤหาสถ์ของคุณนายแจ่มพร้อมกับสถาปัตยกรรมล้อมรอบน่ะ น่าตื่นตาตื่นใจหยอกอยู่เมื่อไหร่ล่ะ แต่ว่า ด้วยความบ้าพลังของบริทนีย์ เดินแป็บเดียวก็ดูจนหมดแล้ว จะแวะไปหาน้องโง้งและเพื่อนๆที่คอกก็ปรากฏว่า เจ้าฟู่และเจ้าฟี่เด็กเลี้ยงควายบ้านคุณนายแจ่มเอาออกไปกินหญ้าที่คันนาโน้นแล้ว
เอ หรือว่าจะตามไปที่คันนาดี อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จะทำอะไร วันนี้พัชราพาคุณนายเข้าเมืองไปจดทะเบียนโฉนดที่ดินอะไรไม่รู้ บริทนีย์ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก รู้แต่ว่าทั้งสองไปกันตั้งแต่เช้าแล้ว ทั้งบ้านจึงเหลือบริทนีย์กับคนรับใช้เท่านั้น
ออกไปข้างนอกดีกว่า อย่างน้อยไปเดินเล่นที่ทุ่งนาก็ยังดี ไม่งั้นก็ไปหาเซร่าที่ตลาดก็ได้นี่นา คิดได้ดังนั้น บริทนีย์จึงเดินไปที่ประตูรั้วบ้านซึ่งอยู่ไกลบ้านมาก แหม เนื้อที่มันกว้างนี่จ๊ะ
เดินไปยังไม่ทันถึงประตูรั้ว ก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน บริทนีย์ชะเง้อมองด้วยความสนใจ ใครมาหาคุณนายแจ่มหรือเปล่า คิดแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
รีบเปิดประตูรั้วเข้าไป เพียงเพื่อจะพบว่า นายบุรุษไปรษณีย์กำลังจะหย่อนจดหมายใส่ลงในตู้ไปรษณีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมสีทองเหลืองลงยาดูโอ่อ่า หรูหรา เขาส่งจดหมายเสร็จแล้วก็ยืนนิ่งมองดูคฤหาสถ์ที่อยู่หลังรั้วนั้นเงียบๆ
ท่าทางเขาจะไม่รู้ตัวว่าบริทนีย์กำลังจ้องมองอยู่ ด้วยความสงสัยว่า เขายืนมองอะไรนะ
แมนยืนอยู่นาน จนบริทนีย์อดรนทนไม่ไหว กระแอมขึ้นมา "อะแฮ่มมมมมม"
แมนสะดุ้งรีบหันมามองทันที พอรู้ว่าใครยืนอยู่ก็ทำหน้าสงสัย "คุณมาทำอะไรที่นี่..."
"ก็ชั้นอยู่ที่นี่อ่ะ" บริทนีย์ตอบแล้วถาม "ว่าแต่นายเหอะ มายืนมองอะไรบ้านคุณนายแจ่ม" สิ้นคำของบริทนีย์ แมนก็สะดุ้งเล็กๆ คล้ายๆ คำถามจะแทงใจ
"อะไร ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" อาการนั้นเหมือนร้อนตัว "ก็แค่มาส่งจดหมายแค่นั้นเอง"
"มาส่งจดหมายแล้วทำไมต้องมายืนมองบ้านด้วยล่ะ ทำแบบนี้มันน่าสงสัยนะเนี่ย หรือว่า...."บริทนีย์ทอดเสียงแล้วทำอมยิ้มอย่างรู้ทัน
"นายมาแอบชอบคนบ้านนี้ ชอบพัชราหรือคุณนายแจ่มล่ะ"
แมนทำหน้าแปลกๆ หลบสายตา จะพูดอะไรแล้วก็ไม่พูด รีบตัดบท "ผมไม่พูดเรื่องไร้สาระกับคุณแล้ว ผมต้องรีบไปส่งจดหมาย จดหมายเยอะแยะ" พูดแล้วทำท่าจะผละหนีไป แต่บริทนีย์เรียกเอาไว้อีก
"เดี๋ยวสินาย..."
แมนหันมาทำหน้ารำคาญ "ว่าไงอีกล่ะ คุณกำลังทำผมเสียเวลานะ ถ้าส่งจดหมายวันนี้ไม่ทันขึ้นมาทำไง"
"ทำไมหรอ จดหมายเยอะมากเลยหรอ" บริทนีย์เลียบเคียงถาม ตาเป็นประกาย
"ก็ เยอะอยู่ ช่วงนี้ใกล้สงกรานต์ จดหมายเลยเยอะหน่อย ถามทำไม" แมนตอบงงๆ
"ก็...จดหมายเยอะอย่างนี้ ชั้นว่านายส่งไม่ทันหรอก" บริทนีย์ว่า เงียบไปนิดแล้วต่อ "ถ้าส่งคนเดียวน่ะ..."
"หมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่า..." ชั้นจะเสียสละช่วยนายส่งจดหมายให้ไง เป็นไง นายจะได้สบายขึ้น โอ๊ะๆ ไม่ต้องขอบใจชั้นหรอก ชั้นเป็นคนมีน้ำใจอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะทำให้ ไปกันเถอะ" บริทนีย์พูดเองเออเองเสร็จสรรพโดยที่แมนยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้อีกที บริทนีย์ก็ขึ้นมาซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเขาแล้ว | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Mon Jan 22, 2007 11:47 am | |
| "นี่คุณจะทำอะไรน่ะ" แมนเริ่มได้สติร้องเสียงหลง
"ถามได้ ก็บอกอยู่นี่ว่าจะไปช่วยส่งจดหมายให้ เป็นอะไรไปอีกล่ะ สมองไม่ทำงานหรือไง" แน่ะ ยังจะว่าเขาอีกแน่ะ
"สมองน่ะทำงานแล้ว แต่ใครเขาขอให้ช่วยกันหรอ" แมนถาม
"ไม่จำเป็นหรอก คนมีน้ำใจ ถึงไม่ขอก็อาสาช่วยได้ นายอย่าสงสัยอะไรมากได้ไหม ไหนว่ารีบไง" บริทนีย์เร่ง แต่แมนก็ยังไม่ยอมสตาร์ทรถ
"แล้วไหน คุณบอกว่าขับรถอย่างผมให้ไปขับที่สนามเด็กเล่นไง แล้วนี่กล้านั่งซ้อนท้ายผมได้ไง"
"ปั๊ดโธ่ เรื่องเก่าอย่าเอามาพูดได้ไหม ตอนนั้นชั้นแค่ตกใจกลัวน้องโง้งจะเป็นอะไรแค่นั้นเอง ถึงตอนนั้นนายจะเป็นฝ่ายผิด แต่ชั้นก็ให้อภัยได้" อ้าว ซะอย่างนั้น
"ตอนนี้ชั้นไม่โกรธอะไรแล้ว รีบไปกันเถอะ ชั้นว่าต้องสนุกแน่เลย" บริทนีย์เร่ง แมนเหล่มอง
"ตกลงที่คุณจะมาช่วยผมนี่เพราะอยากเล่นสนุกใช่ไหมเนี่ย" ว่าแล้วทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ก็ไม่รู้จะไล่หญิงสาวลงไปได้ยังไง จำต้องปล่อยเลยตามเลย
"ไปกับผมอย่าพูดมากและอย่าเจ้ากี้เจ้าการนะ" มีหันมากำชับด้วย บริทนีย์ฟังแล้วเถียงทันที
"แหม ชั้นไปเจ้ากี้เจ้าการตรงไหน บอกแล้วว่ามาช่วย นายว่าไงก็ว่าตามกันสิ"
"เออๆ ให้มันจริงเหอะ อย่าให้ผมได้เห็นคุณเจ้ากี้เจ้าการอะไรอีกนะ ไม่งั้นปล่อยลงกลางทางแน่ๆ" แมนขู่พร้อมทำหน้าตาขึงขัง แต่ไม่รู้หญิงสาวที่ซ้อนท้ายมาจะกลัวหรือไม่ เพราะได้ยินเสียงร่าเริง
"รู้แล้วละน่า เย้ๆ ได้ไปเที่ยวสนุกๆแล้ว ไปโลดเลยลูกพี่" แมนฟังแล้วแอบหมั่นใส้ ทีตอนนี้เรียกเขาเป็นลูกพี่เชียวนะ ทีที่ตลาดล่ะจะเป็นจะตายให้ได้เลย แล้วนี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ต้องทำท่าสนุกขนาดนั้นก็ได้ เฮ้อ -*- | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Mon Jan 22, 2007 11:48 am | |
| แมนขับรถส่งจดหมายไปเรื่อยๆ โดยมีบริทนีย์ช่วยด้วยอย่างแข็งขัน ถ้าแถวไหนมีบ้านติดกันหลายหลัง บริทนีย์จะช่วยเดินไปส่งจดหมายให้แต่ละบ้านอย่างไม่เกี่ยงงอน ทำงานไปอย่างรื่นเริงท่าทางมีความสุขดี แมนมองพลางนึกในใจ เวลาทำงานไม่พูดมากก็ใช้ได้เหมือนกันนี่
จนจดหมายและพัสดุในถุงหนังพร่องลงไปมาก บริทนีย์ก็ยังไม่มีทีท่าจะเหน็ดเหนื่อย แมนแอบมองแล้วคิด ผู้หญิงบ้าพลังเป็นอย่างนี้นี่เอง
บริทนีย์ส่งจดหมายเสร็จเดินเข้ามาหา
"เป็นไง เหลือส่งจดหมายที่ไหนอีก"
แมนมองจดหมายในถุงหนังแล้วว่า "พักซะบ้างเถอะคุณ ไม่เหนื่อยหรอ"
บริทนีย์ส่ายหน้า "ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย สนุกจะตาย ว่าแต่นายเหอะ" หยุดพูดแล้วมองไปที่แมน "ท่าทางเหนื่อยนะ เหงื่อแตกเชียว"
"หรอๆ" แมนรีบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ แต่บริทนีย์มองอย่างขัดใจ
"เอามือปาดเหงื่อ มันจะไปหมดได้ไงเล่า เอ้านี่" พูดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าของตัวเองขึ้นมายื่นให้ "เอาไปเช็ดเหงื่อไป ชั้นให้ยืม"
แมนมองผ้าเช็ดหน้านั้นอย่างลังเลนิดๆ จนบริทนีย์ต้องเร่ง "เอ้า เอาไปเหอะน่า ไม่คิดตังค์หรอก" ว่าแล้วก็ยัดผ้าใส่มือแมน แมนจึงค่อยๆ เช็ดหน้าตัวเอง
บริทนีย์เหล่มองก่อนจะบอกว่า "แล้วซักเอามาคืนด้วยนะ"
"โธ่ นึกว่าจะให้" แมนบ่นอุบ แต่บริทนีย์ยิ้มนิด ตาเหม่อมองไปข้างหน้าเหมือนนึกอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสลัดหัวบอกกับแมนว่า "ให้ได้ยังไงล่ะ ผ้าผืนนี้มันมีความหมาย"
แมนหันมามองหน้า ทำหน้าไม่เข้าใจ แต่บริทนีย์ตัดบท "ช่างมันเหอะ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรจะจำ"
"แต่บางเรื่องมันก็ไม่ยอมลืมนะ" แมนเปรยเบาๆ บริทนีย์หันมามองหน้า "นั่นละคือปัญหาของชั้น เฮ้อ" ถอนหายใจ ก่อนจะฮึดขึ้นมาใหม่
"เอาละ ทำงานกันต่อดีกว่า ไหน จะไปส่งที่ไหนอีก"
แมนมองจดหมายในถุงหนังอีกครั้ง ก็เห็นจดหมายซองหนึ่งนอนนิ่งอยู่ในถุงหนัง จดหมายที่ออกจะยับยู่ยี่เป็นซองพื้นๆที่ขายตามตลาดทั่วไป หยิบขึ้นมาดูก็ต้องขมวดคิ้ว
"เอ๊ะ จดหมายนี่" บริทนีย์รีบเข้ามาดูด้วย
"จดหมายนี่ ทำไมหรอ ส่งถึงใคร"
แมนหันมาตอบ ดวงตาออกแนวหวาดหวั่นเล็กน้อย "ส่งถึงยายเป๋อที่อยู่บ้านหลังวัดทุ่งแมกโนเลีย"
แต่บริทนีย์ไม่ได้เห็นสายตานั้น ก็รีบชวนแมน "งั้นก็รีบไปส่งสิ จะได้เสร็จเร็วๆ"
"อืมๆ เอางั้นนะ" แมนรับคำ สีหน้าดูไม่ค่อยดี ผิดกับบริทนีย์ที่ยังตื่นเต้นกับการทำงานเสมอ รีบซ้อนท้ายแมนขับพาไปที่วัดทุ่งแมกโนเลีย เพื่อไปยังบ้านของยายเป๋อ | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Wed Jan 24, 2007 1:37 pm | |
| สักพักหนึ่งก็ถึงบ้านยายเป๋อ อย่าเรียกว่าบ้านเลย เรียกว่าเพิงน่าจะถูกกว่า เพราะมันเป็นเพียงแค่เพิงมุงจากทั้งสี่ด้าน ตั้งอยู่หลังวัดใกล้ป่าช้า เพิงหลังนี้มีสภาพไม่มั่นคงนัก ทางด้านหน้ามีกระตูที่ดูโย้เย้ บันไดสี่ขั้นนั้นก็ไม่ค่อยสมประกอบ มีขั้นหนึ่งหักห้อยลงไปในตุ่มน้ำล้างเท้าที่ตั้งอยู่ข้างบันได
บรรยากาศเงียบและเย็น ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรจากป่าช้าข้างๆ ดังระงม ดูแล้วท่าทางจะไม่มีคนอยู่
และเพราะอากาศมันเย็นหรืออะไรไม่ทราบ ทั้งแมนทั้งบริทนีย์จึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ขนลุกเกรียว
แมนจอดรถมอเตอร์ไซค์ไกลออกมาจากเพิงนั้น ไม่รู้ว่าทำไมสิน่า ขยับจะเดินเข้าไปบริทนีย์ก็สะกิดซะก่อน "นี่แน่ใจนะว่าเป็นบ้านคน ชั้นว่ามันดูแปลกๆ"
"นี่แหละบ้านยายเป๋อ" แมนหันมาตอบ "แกอยู่บ้านนี้คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร นี่ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ใครที่ส่งจดหมายมาหาแก"
"นั่นสินะ" บริทนีย์ว่าแล้วมองไปรอบๆ บรรยากาศไม่สู้ดีนัก รีบชวนแมน "ชั้นว่าเรารีบไปส่งให้เสร็จเร็วๆ เหอะ จะได้กลับ"
แมนพยักหน้าแล้วชะงัก หันมายิ้มนิด "แน่ะๆ นี่อย่าบอกนะว่าคุณกลัวน่ะ หน้าซีดเลย"
"โธ่ นายก็กลัวเหมือนกันแหละ" บริทนีย์ว่าแก้เก้อ แมนจึงหัวเราะ แล้วพากันเดินไปที่เพิงของยายเป๋อจนใกล้แล้วร้องเรียก
"ยายเป๋อๆ อยู่ไหม" แมนร้องเรียก แต่ปรากฏว่า เงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในเพิงนั้น แมนหันมามองหน้าบริทนีย์ "ยายเป๋อๆ อยู่ไหม" บริทนีย์ช่วยเรียกอีกแรง
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน ทั้งสองคนมองหน้ากัน
"ผมว่าเอาจดหมายวางไว้หน้าบ้านนี่แหละ ยายเป๋อคงไม่อยู่บ้าน เดี๋ยวกลับมาจะได้เห็นง่ายๆ" แมนเสนอ บริทนีย์พยักหน้าเห็นด้วย แมนจึงค่อยวางจดหมายลงบนระเบียงด้านหน้าของเพิง เอาดุ้นฟืนมาทับไว้กันปลิว เสร็จแล้วขยับจะเดินถอยออกมาอยู่แล้ว
พลันได้ยินเสียงประตูเปิดดัง "แอ้ดดดดดดดดดดดดดดดดด"
แล้วเสียงเย็นๆของคนแก่ก็ดังขึ้น "นั่นนนนนนใครมาาาาาาาาาาาาา"
แมนสะดุ้งพร้อมกับบริทนีย์ ต่างหันมามองหน้ากันทันที บริทนีย์เอื้อมมือไปคว้ามือแมนไว้โดยไม่รู้ตัว แมนแข็งใจตอบ
"ผมเอาจดหมายมาส่งครับ วางไว้ที่ระเบียงครับยายเป๋อ"
มีแต่เสียงที่ออกมาจากเพิงนั่น แต่ไม่มีคนออกมาด้วย ซึ่งแมนก็ภาวนาว่า ขออย่าให้ออกมาเลย
"ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ขอบใจมากกกกกกกก" เสียงเย็นนั่นฟังดูวังเวงพิกล บรรยากาศเงียบและเย็นแบบแปลกๆ นั่นทำให้บริทนีย์กระตุกมือแมน
"นี่นายๆ ชั้นว่าเราไปกันเหอะ นะ ชั้นกลัว" ประโยคหลังกระซิบ แมนรีบพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาตะโกนเข้าไปในเพิงนั่น
"งั้นผมไปก่อนนะครับ"
"ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนหรอพ่อหนุ่ม แม่หนู" เสียงเย็นๆดังขึ้นมาอีก ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะตอบพร้อมกันทันที โดยไม่ได้นัดหมาย
"ไม่ละค่ะ/ครับ" ตอบไปแล้วไม่อยู่เฉย ต่างจับมือกันโกยอ้าวไปทันที ด้วยความกลัวจัด จับมือกันวิ่งไปจนลืมมอเตอร์ไซค์ซะอย่างนั้น มอเตอร์ไซค์จอดอยู่ปากทางก็ไม่สนใจ ต่างพากันวิ่งไปจนถึงถนนใหญ่ริมทุ่งก็ยังไม่หยุดวิ่ง จนได้ยินเสียงนกหวีดดัง
"ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ทั้งสองหยุดกึกทันที แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Wed Jan 24, 2007 1:37 pm | |
| หมวดเด่นกำลังยืนอยู่ตรงปากทางเข้าบ้านยายเป๋อ มีมอเตอร์ไซค์คู่กายจอดอยู่ข้างๆ ท่าทางสีหน้าแปลกๆ
"สองคนนี้จะวิ่งไปไหนกัน แล้ว..." หมวดเด่นเขม้นมองอีกที "นายแมนกับคุณ..."
"บริทนีย์ค่ะ..."บริทนีย์ต่อให้ เสียงสั่นเล็กน้อย
"ครับ คุณบริทนีย์ ก็คุณสองคนมีเรื่องกันเมื่อกลางวันนี้ไม่ใช่หรอ แล้ว..."หมวดเด่นทำหน้าสงสัย ตามองไปที่มือของทั้งสองที่ยังจับกันอยู่ แมนกับบริทนีย์จึงมองตาม เมื่อเห็นว่ากำลังจับมือกันอยู่ก็สะดุ้ง ต่างคนต่างรีบชักมือออกทันควัน หันมามองหมวดเด่นทำหน้าไม่ถูก
"พวกคุณมาทำอะไรที่ป่าช้าหลังวัด" หมวดเด่นถามยิ้มนิดๆ "นี่ก็...เย็นมากแล้วนะ" ท่าทางกับคำพูดนั้นทำให้แมนรีบพูดขึ้นมาทันที
"เอ่อ เราไม่ได้มาทำอะไรกันนะครับ" บริทนีย์ก็รีบเสริม "ใช่ค่ะ ไม่ได้ทำอะไรค่ะ"
"ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย" หมวดเด่นยิ้มมากขึ้น "เพียงแต่สงสัยว่านายแมนไม่ส่งจดหมายหรอวันนี้ หรือว่าส่งเสร็จแล้ว นี่มันเย็นมากแล้วนี่"
พูดถึงจดหมาย แมนก็นึกขึ้นมาได้ หันมองไปรอบๆก็ตกใจ "อ้าว แล้วมอเตอร์ไซค์ผมล่ะ" หันไปมองบริทนีย์
"เมื่อกี้เราไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มาด้วยหรอ" อ้าว พ่อหนุ่ม จับมือกันวิ่งอ้าวอย่างนั้น จะเอามาได้ยังไงล่ะ รถมอเตอร์ไซค์น่ะ บริทนีย์ก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้
"เออ จริง นายไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มานี่ จอดไว้ที่ปากทางหน้าบ้านยายเป๋อไง"
"อ้าว แล้วทำไมต้องไปจอดที่หน้าบ้านยายเป๋อ" หมวดเด่นถาม ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง "มาไกลขนาดนี้เลยหรอ"
"อะไรครับหมวด หมวดคิดอะไรอยู่เนี่ย" แมนบ่น "ผมมาส่งจดหมายบ้านยายเป๋อต่างหาก"
"อ้าวหรอ ผมก็นึกว่า..." หมวดเด่นมองทั้งคู่แล้วยิ้มอีกครั้ง เห็นเมื่อกลางวันทะเลาะกันจะเป็นจะตาย มาตอนเย็นมาจับมือกันวิ่งอยู่ที่ป่าช้าเปลี่ยว จะให้ตำรวจผู้ละเอียดลอออย่างเขาไม่สงสัยได้อย่างไร
"ไม่มีไรหรอกครับ ถ้ามาส่งจดหมายก็แล้วไป" หมวดเด่นหยุดแล้วมองไปที่แมนกับบริทนีย์สลับกัน "แต่ผมขอเตือน เอาในฐานะที่เราเป็นชาวบ้านทุ่งเหมือนกันก็แล้วกัน ด้วยความหวังดี ถ้าเราจริงใจ บริสุทธิใจก็เปิดเผยไปเลยครับ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อน ดีที่เป็นผมผ่านมา ถ้าเป็นคนอื่น คงจะโดนนินทาไปแล้ว สังคมที่นี่มันแคบนิดเดียวเอง"
"นี่หมวด หมวดหมายความว่าไง ก็ผมบอกแล้วไงว่า..."แมนพูดโพล่งขึ้นมายังไม่ทันจบ หมวดเด่นก็โบกไม้โบกมือ
"เอาน่ะ แมน ผมว่าผมเข้าใจคุณนะ เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผมเข้าใจคุณทุกอย่าง" เออ ซะอย่างนั้น แมนฟังแล้วเซ็ง ถ้าเข้าใจได้อย่างที่พูดก็ดีสิวะ
ในขณะที่แมนกำลังวุ่นวายใจ แต่บริทนีย์ที่ยืนฟังบทสนทนามานานแล้ว กลับไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
"พูดเรื่องอะไรกันหรอคะ"
หมวดเด่นหันมายิ้มให้ "ไม่มีไรครับ เราพูดกันตามประสาผู้ชาย เข้าใจดีแล้ว คุณบริทนีย์ไม่ต้องเป็นห่วง นายแมนคงไม่ทำให้คุณเสียชื่อแน่"
คำพูดของหมวดเด่นทำให้งงหนักกว่าเดิม บริทนีย์ขยับปากจะถาม ก็พอดีหมวดเด่นตัดบทขึ้นมาซะก่อน "เดี๋ยวผมต้องไปแล้วล่ะ นายแมนเดี๋ยวก็ไปส่งคุณบริทนีย์เขาให้ถึงบ้านเรียบร้อยด้วยนะ แล้วอย่าลืมที่ผมเตือนล่ะ"
แมนขยับจะตอบ แต่หมวดเด่นไม่รอรี รีบสตาร์ทรถขับออกไปทันที ทำเอาแมนมองอย่างเซ็งๆ หันมามองบริมนีย์ก็เห็นทำหน้างง
"หมวดเด่นเขาพูดอะไรของเขาน่ะ"
แมนถอนหายใจ นี่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเล้ย "ไม่มีอะไรหรอก เราไปเอารถที่ปากทางบ้านยายเป๋อกันเถอะ"
"อืม ก็ได้" บริทนีย์รับคำ ก่อนจะหันมายิ้มนิด "ฮั่นแน่ กลัวล่ะสิ ถึงไปเอารถคนเดียวไม่ได้"
"เฮ้ย ไม่ใช่ คุณมานั่งรถผมแล้วก็ต้องไปสิ จะมารอนั่งสบายได้ไง โธ่ ผมหรือจะกลัว" แมนรีบโวยวายขึ้นมาทันที บริทนีย์ฟังแล้วหัวเราะต่างพากันเดินอย่างระแวดระวังจนถึงปากทางบ้านยายเป๋อ แล้วรีบบิดรถออกไปด้วยความเร็วสูงที่สุด | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Feb 10, 2007 5:04 pm | |
| รถยุโรปคันใหญ่ของคุณนายแจ่มกับพัขรามาถึงตลาดบ้านทุ่งในเวลาเย็น คุณนายสั่งให้ตาปุ่นจอดรถไว้หน้าตลาด ตัวคุณนายจัดแจงลงจากรถ ทำเอาพัชราต้องเดินตามมา
"คุณแม่จะไปไหน ทำไมต้องแวะตลาดด้วย ไม่กลับบ้านหรอคะ" พัชราถาม คุณนายหันมายิ้มนิดๆ
"ก็แม่มีธุระที่ตลาด จะกลับบ้านเลยได้ไงล่ะลูก"
"ธุระอะไรอ่ะ" พัชราถาม ยังงงอยู่ แต่คุณนายไม่ตอบ "เอาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง"
คุณนายว่าแล้วยิ้มเหมือนมีเลศนัยชอบกล พัชรามองอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ก็เดินตามแม่มาจนถึงหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว โดยด้านตรงข้ามนั้นเป็นวินรถโดยสาร และวินรถมอเตอร์ไซค์
ที่วินรถมอเตอร์ไซค์นั้นมีหญิงวัยกลางคน สวยเฉี่ยว แต่งตัวสวยยืนอยู่ ได้ยินเสียงหญิงคนนั้นไม่เบานักว่า
"นี่ นายทุย ชั้นบอกแล้วใช่ไหม ไม่ให้เอาหมวกกันน็อคมาจำนำที่โรงรับจำนำของชั้น" คุณนายเป็ดนั่นเองที่กำลังบริภาษทุยอยู่ด้วยถ้อยคำรุนแรง ดีที่ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว จึงไม่มีใครยืนอยู่แถววินรถ
"คุณแม่ แต่ลูกตุ้มเป็นคนรับจำนำเองนะคะ" ลูกตุ้มยืนอยู่ข้างคุณนายเป็ดพยายามห้ามแม่
"ลูกก็เหมือนกัน รับจำนำไปได้ยังไงตั้งห้าพันบาท จริงๆ แล้วแม่ไม่ให้รับจำนำด้วยซ้ำนะ" คุณนายเป็ดหันมาดุลูก ทำเอาลูกตุ้มหน้าหงอยไป
ทุยมองคุณนายเป็ดนิ่งๆ ก่อนจะบอกเสียงขรึม "คุณนายอย่าไปว่าคุณลูกตุ้มเลยครับ ถ้าจะว่าก็ว่าผมเถอะ คุณลูกตุ้มเขาไม่ได้ผิดอะไร"
คุณนายฟังแล้วแสยะยิ้ม "ยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ แล้วมายุ่งอะไรกับลูกสาวชั้น อ๋อ...." พูดแล้วยิ้มอย่างดูถูก "หรือว่าจะหวังรวยทางลัด เป็นหนูตกถังข้าวสารละสิ"
ทุยตาวาวขึ้นมาทันที มองคุณนายเป็ดเขม็ง ท่าทางนั้นทำให้ลูกตุ้มต้องรีบห้ามแม่ "คุณแม่ ทำไมพูดอย่างงั้น"
"อ้าว ก็มันจริงนี่ บ้านเรารวยใครก็รู้ ลูกก็เป็นลูกสาวคนเดียว ทำไมจะไม่มีคนคิดหวังรวยทางลัด" คุณนายยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ท่าทางอย่างนั้นทำให้ทุยทนไม่ได้
"คุณลูกตุ้มมีน้ำใจกับผม ผมก็ซึ้งในน้ำใจ แต่คนอย่างผมก็มีศักดิ์ศรีพอ ผมทำงานแลกเงิน ไม่ได้หวังจะอยากได้เงินของคนอื่น คุณนายไม่ต้องห่วงหรอก"
"งั้นหรอ ถ้าไม่อยากได้เงินคนอื่น งั้นก็เอาเงินห้าพันมาคืนชั้นสิ แล้วเอาหมวกกันน็อคสับปะรังเคของนายคืนไป" พูดจบก็โยนหมวกกันน็อคให้ ทุยกัดฟัน เอื้อมไปหยิบมา ในใจคิดกลุ้ม แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาคืนคุณนายตั้งห้าพัน เงินนั่นเราไปใช้หนี้หมดแล้ว
"ผมขอผัดไปอีกวันได้ไหมครับ" ทุยจำใจต้องขอผัดผ่อน "ตอนนี้มันเย็นมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปหามาให้" คำพูดของทุย ทำเอาลูกตุ้มมองด้วยความเห็นใจ
"ผัดไปพรุ่งนี้" คุณนายยิ้มเยาะ "แล้วคิดว่าพรุ่งนี้มันจะหาได้หรอ"
"คุณแม่" ลูกตุ้มตัดสินใจค้านแม่อีกครั้ง แต่แม่หันมาดุใส่ตามเคย "เงียบได้ไหม ลูกตุ้ม" ก่อนจะหันมาทางทุย
"ชั้นเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำอะไร เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้ต้องได้นะ" คุณนายเป็ดว่า
"ครับ พรุ่งนี้ผมจะหามาคืนให้คุณนาย ผมรับรองด้วยเกียรติของผม" ทุยบอกเสียงหนักแน่น เท่านั้นเอง คุณนายเป็ดจึงรามือ ยอมเดินกลับไปโดยดี มีลูกตุ้มเดินตาม พร้อมส่งสายตาแสดงความเห็นใจมาให้ทุย ทุยยิ้มตอบอย่างเศร้า ถอนหายใจ ก้มหน้าลง
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหา เงยหน้าขึ้น ก็เห็นใครบางคนที่ทำให้ทุยหน้าเครียดขึ้น
คุณนายแจ่มยืนยิ้มอยู่ "ว่าไงจ๊ะ พ่อทุย" | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Feb 10, 2007 5:04 pm | |
| ทุยถอนหายใจ มองคุณนายแจ่ม แล้วหันไปมองพัชราที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ พัชราทำเมินไป
"สวัสดีครับคุณนาย คุณนายมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า" ทุยจำไหว้ไปตามมารยาท
"เห็นว่าพ่อทุยต้องการเงิน...." คุณนายแจ่มยิ้ม แต่ทุยหน้าเครียด
"คุณนายก็คงได้ยินหมดแล้วนี่ครับ" พูดแล้วหันไปมองพัชราแวบหนึ่ง
"ไม่เห็นต้องเครียดเลย พ่อทุยต้องการเงินก็บอกชั้นได้นี่" คุณนายยังใจเย็น ทั้งที่เห็นคนตรงหน้าดูเครียดกว่าเดิม
"ไม่เป็นไรมิได้ครับ ตั้งแต่ที่ผมกู้เงินคุณนาย ที่นาของแม่ผม ควายของผมก็เป็นของคุณนายหมดแล้ว ผมคงไม่มีอะไรมาให้คุณนายอีก"
"แต่ครั้งนี้ ชั้นจะให้ยืมฟรีๆ ไม่เอาของแลกเปลี่ยนหรอก" คุณนายพูดแล้วยิ้ม พัชราหันมามองแม่ทันที ขยับปากจะพูด แต่คุณนายจุ๊ปากห้าม
"จุ๊ จุ๊ ไม่เอาเพชรชี่ อย่ามาค้านแม่ให้เสียอารมณ์ เดี๋ยวแม่จะไม่ปลื้ม" ว่าแล้วหันไปมองทุย ก็เห็นอึ้งไป
"ว่าไง ครั้งนี้ชั้นจะให้พ่อทุยยืมเงินหมื่นหนึ่ง ฟรีๆไม่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน มีเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืน พ่อทุยสนใจไหมล่ะ"
ทุยคิดหนัก นี่คุณนายจะมาไม้ไหนกับเขากันแน่ อยู่ดีๆ จะมาทำใจดีให้ยืมเงินฟรีๆ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นคุณนายก็ยึดที่นาและควายของเขาไป จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ชอบคนตระกูลนี้ แต่นี่คุณนายกลับใจดีอย่างประหลาด
"ถ้าสนใจก็เอาเงินไปได้ตอนนี้ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย พ่อทุยน่าจะคิดเรื่องใช้หนี้คุณนายเป็ดมากกว่านะ เรื่องเงินชั้นก็ไม่ได้รีบจะเอาคืนอะไร นี่ได้ข่าวว่าแม่ขวัญ แม่ของเธอน่ะ อาการไม่ค่อยจะดีไม่ใช่หรอ คิดถึงแม่ก่อนดีกว่านะ"
คุณนายว่า ทำให้ทุยนึกไปถึงแม่ขวัญของเขา แม่ที่เลี้ยงเขามาตัวคนเดียว เพราะพ่อตายจากเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก แม่ขวัญสู้อุตส่าห์ทำนาหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่แม่ขวัญก็สุขภาพไม่ค่อยดี เจ็บออดๆ แอดๆ ตลอดมา
นี่พรุ่งนี้ก็ได้เวลาไปเอายาอีกแล้ว ถ้าไม่มีเงินจะทำยังไงกัน
"คิดซะให้ดีก็แล้วกันนะ เดี๋ยวชั้นจะไปเก็บเงินลูกหนี้ในตลาดซะหน่อย มาตอนกลางวันละหลบกันเป็นแถว ต้องมาตอนเย็นไม่ให้ทันตั้งตัวนี่แหละ" พูดแล้วหันไปหาลูกสาว
"เพชรชี่อยู่นี่แหละ ถ้าพ่อทุยเขาตกลง ลูกก็เอาเงินให้เขานะ" พัชราหันมามองแม่ ขยับปากจะค้าน แต่คุณนายจุ๊ปาก ส่ายหน้าน้อยๆ
"อย่า เพชรชี่ อย่าค้านแม่ แม่ไม่ปลื้มนะ..จบ" พูดแล้วก็หันไปยิ้มกับทุย ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวตลาดทันที ทิ้งคนสองคนให้มองหน้ากันด้วยความรู้สึกประดักประเดิดเต็มที | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Feb 10, 2007 5:06 pm | |
| ทั้งสองคนต่างมองกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร
สุดท้าย พัชราต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน "ว่าไงล่ะ อยากได้เงินหรือเปล่า" ทุยตาวาวขึ้นมา มองพัชราเขม็ง
"ผมยอมรับว่าผมต้องการใช้เงิน แต่ผมก็คงจะหยิ่งเกินไปที่จะรับเงินของคุณ"
"ไม่ใช่เงินของชั้นสักหน่อย เงินของคุณแม่ต่างหาก" พัชราสวนทันที "แล้วก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย แม่ชั้นเต็มใจให้..ยืม ก็คงเหมือนกับที่ลูกตุ้มเต็มใจให้ยืมละมั้ง"
"พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง" ทุยสวนขึ้นโดยเร็ว เสียงเครียด "คุณลูกตุ้มมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"ก็แค่พูดถึง ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลยนี่นา รู้แล้วละน่าว่าอยากปกป้อง" พัชราว่าแล้วเมินไป "ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นคงไม่พูดอะไรให้ลูกตุ้มต้องเสียหายหรอก"
"ทางที่ดี ผมว่าคุณอย่าพูดถึงคุณลูกตุ้มดีกว่า" ทุยบอกเรียบๆ พัชรามองแล้วทำหน้าบึ้ง ควักกระเป๋าหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง แล้วยื่นมาตรงหน้า
"ใช่สิ จะพูดถึงลูกตุ้มได้ยังไง ก็นี่เงินแม่ชั้น ก็ต้องพูดถึงแต่แม่ชั้นสิ" พูดไม่พูดเปล่า ยังมองทุยยิ้มๆ สายตานั้น ทำให้ทุยหมดความอดทน คว้ามือพัชราที่ยื่นเงินมาจับไว้แน่น ทำเอาพัชราตกใจ
"นี่ นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ" พัชราร้องเสียงหลง แต่ทุยไม่สนใจ บีบมือแน่นเข้า เงินปึกนั้นร่วงลงที่พื้น แต่ทุยไม่ได้หันมามอง ได้แต่มองตาคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดเสียงเครียด
"อย่าดูถูกผมให้มากเกินไป ถึงผมจะไม่ได้รวยเหมือนคุณ แต่ผมก็เป็นคนเหมือนคุณ และถึงผมจะไม่ได้มีเงินเหมือนคุณ แต่ผมก็มีหัวใจเหมือนคุณ" พูดแล้วมองสบตาพัชรานิ่งๆ พัชราพูดไม่ออก
"ผมไม่ได้อยากได้เงินใครฟรีๆ คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะเอาเงินแม่คุณไปฟรีๆ หรอก" พูดแล้วมือหนึ่งก็เอื้อมมือไปหยิบสร้อยทองห้อยพระที่ใส่ติดตัวไว้ที่คอออกมา
"นี่เป็นสร้อยคอห้อยพระของผม ราคามันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ถึงบาทด้วยซ้ำ แต่มันมีค่าสำหรับผมมาก เพราะมันเป็นสร้อยที่พ่อให้ไว้กับแม่ผม ก่อนจะตายจากไป เป็นที่ระลึกถึงว่าพ่อยังอยู่กับแม่เสมอ และแม่ก็ให้ผมเก็บไว้ แต่ครั้งนี้..."
"ครั้งนี้ผมจะเอามาแลกกับเงิน เพราะเงินนั้นจะต้องเอาไปรักษาแม่ผม เพราะแม่ก็คือสมบัติที่มีค่าที่สุดของผมเช่นกัน" จับสร้อยคอนั้นใส่มือพัชราที่จับอยู่ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
"ขอให้คุณเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ด้วย เพราะยังไงผมก็ต้องเอาเงินมาไถ่คืนให้ได้ ถึงแม้ว่าคนอย่างคุณจะเห็นว่ามันไม่มีค่าอะไรก็ตาม แต่มันมีค่าสำหรับผม"
"อย่ามาดูถูกชั้นนะ" พัชรารีบพูดทันที สายตาดูถูกในตอนแรกนั้นหายไป "ชั้นรู้ดี ว่าอะไรมีค่า อะไรไม่มีค่า"
"แน่ใจหรือว่ารู้..."ทุยถาม มองสบตาคนตรงหน้า มือที่จับนั้นคลายลง "ถ้ารู้จริงก็ช่วยรักษาให้ผมด้วย ผมขอแค่นี้แหละ" แล้วเขาก็ค่อยๆ ปล่อยมือพัชรา ทันทีที่ปล่อยมือ พัชราก็เมินหน้าหนี แล้วเดินไปทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร
เดินออกมาจนถึงรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าตลาด ก็อดก้มลงไปมองมือตัวเองที่ทุยจับไว้เมื่อกี้ไม่ได้ ดูเป็นรอยแดงเป็นปื้น จึงเอื้อมมืออีกมือหนึ่งมาลูบเบาๆ ด้วยความทนุถนอม หยิบสร้อยคอของทุยที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาดู ในใจรู้สึกแปลกๆ
ทุยมองตามคนที่เดินออกไปไม่พูดไม่จา เขาไม่ได้สนใจปึกเงินที่ร่วงอยู่ที่พื้น เพียงแต่ยกมือข้างที่ตัวเองใช้กำลังเมื่อครู่ขึ้นมาดู เมื่อกี้เราใช้กำลังรุนแรงไปหรือเปล่า นึกถึงมือเล็กๆ นิ่มๆ ที่จับเมื่อกี้แล้วรู้สึก..แปลกๆยังไงไม่รู้ | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Thu Feb 15, 2007 10:45 pm | |
| เช้านี้หมิงกับเซเรน่าพากันมาเดินตลาดเพื่อซื้อของเครื่องปรุงไปทำก๋วยเตี๋ยวขาย ทั้งสองกำลังเลือกดูของกินกันอย่างสนอกสนใจ (-*- เขาให้ซื้อเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่หรอ) น่าๆ ก็เดินผ่านร้านของกิน มันก็ต้องมีหยุดมองบ้างแหละ
"อุ้ย เซร่า ขนมครกเจ้านั้นดูน่ากินนะ" หมิงชี้ให้เซเรน่าดูขนมครกที่แม่ค้ากำลังแคะออกจากเตา สดๆ ใหม่ๆ แต่เซเรน่าเมียงมองไปทางรถเข็นขายหมูปิ้ง
"แต่ชั้นอยากกินไอ้นั่นนะ กลิ่นมันหอมจัง" ว่าสูดกลิ่นเข้าปอด "หอมจริงๆ"
หมิงมองตาม "อ๋อ หมูปิ้ง เซร่าจะกินป่ะละ เดี๋ยวไปซื้อมาให้" พูดแล้วตายังไม่วายมองขนมครก
"ไม่เป็นไร หมิง เดี๋ยวชั้นไปซื้อเอง หมิงซื้อขนมครกเหอะ แล้วฝากซื้อไข่นกกระทาให้ชั้นด้วยนะ" เซเรน่าว่า ตามองไปที่ไข่นกกระทาที่แม่ค้าหยอดลงบนเบ้าขนมครก เสียงดังฉู่ฉี่ กลิ่นหอมๆ กับสีเหลืองสดใสล้อมรอบด้วยสีขาวนั้น ช่างกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะได้ดีนัก
"ได้ๆ แล้วฝากเซร่าซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋กับแป้งทอดให้ด้วยนะ" โอโห สั่งของกินกันจนแทบจะลืมว่ามาซื้อกับข้าวนะเนี่ย -*-
ทั้งสองแยกย้ายกันไปซื้อของกินที่ตัวเองต้องการ หมิงเดินไปซื้อขนมครก ไข่นกกระทาที่แม่ค้าทำเสร็จใหม่ๆ ตาเหลือบไปเห็นร้านลูกชิ้นเจ้าประจำก็นึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อลูกชิ้นไปนี่หว่า ดีนะที่นึกขึ้นได้ ไม่งั้นโดนป๊าว่าแน่ๆ เลย
คิดได้ดังนั้นก็เดินไปที่แผงขายลูกชิ้น สั่งลูกชิ้นอย่างที่เคย แล้วยืนรออยู่หน้าแผงนั้น
พลันก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนข้างๆ หันไปก็เห็นกระเป๋ารถประจำทุ่งแมกโนเลียยืนอยู่ บุญก่อส่งสายตาดุๆ มาแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งแม่ค้า
"เอาลูกชิ้นที่อร่อยที่สุดครับ เอามา 2 ถุง เอ้ย ไม่สิ เอามา 3 ถุงเลย"
หมิงมองอย่างแปลกใจ เขาจะซื้อลูกชิ้นไปทำอะไรมากมาย หรือว่า จะโกรธป๊าจนไม่มากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอีกแล้ว จะถามก็ไม่กล้า
แต่กลับได้ยินเสียงเขาเปรยออกมาลอยๆ "ลูกชิ้นร้านนี่อร่อยนะ" หมิงเหลือบไปมอง เขาไม่ได้มองมาทางเธอ แต่ยังพูดต่อ
"ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านทีไร อิ่มจนจุกทุกที"
"ก็ไม่ดีหรอ จะได้มีแรงทำงาน" หมิงตอบเบาๆ ได้ยินเสียงบุญก่อหัวเราะหึหึ "กลัวจะขาดทุนน่ะสิ"
"กลัวป๊าขาดทุนถึงขนาดจะซื้อไปทำเองเลยหรอ" หมิงถามโดยไม่มองหน้า ตามองไปที่ลูกชิ้นปลาดาวสีขาวปนชมพู
"ไม่ได้กลัว เรื่องอะไรต้องกลัว" เสียงนั้นเริ่มกวน "ไปกินทีไรก็ไม่เห็นอาโกจะทำให้สักที"
"ถ้าป๊าทำก็คงไม่ได้อิ่มจนจุกหรอก" หมิงบอกเบาๆ ตามองไปที่ลูกชิ้นเนื้อแบบเอ็นกับเนื้อล้วนที่สั่งแม่ค้า
"อืม สงสัยจะยังพอโชคดีอยู่บ้าง" บุญก่อเองก็มองไปที่ลูกชิ้นสาหร่ายลูกขาวๆ ผสมสาหร่ายประปราย ท่าทางจะนิ่มน่าดู ก่อนจะพูดต่อ "แต่ทำแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวอาโกจะว่า เอา"
"ป๊าไม่ได้สนใจหรอก" หมิงตอบ เลื่อนสายตาไปที่ลูกชิ้นปลารักบี้ขาวๆอวบๆ
"อ้อ ลืมไป อาโกคงเกลียดจนไม่อยากจะสนใจ" บุญก่อพูดแล้วหัวเราะหึหึ หมิงรีบหันไปมองคนข้างๆทันที
"ไม่จริงหรอก ป๊าไม่ได้เกลียดพี่...เอ่อ ป๊าไม่ได้เกลียด เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดคอ แล้วก็ชอบคนพูดจาสุภาพ"
"งั้นสองอย่างนี่ไม่ได้อยู่ในตัวพี่ เอ่อ ผมเลย" บุญก่อพูดแล้วยิ้มนิดๆ พลางจ่ายเงินให้แม่ค้า หยิบถุงลูกชิ้นแล้วทำท่าจะเดินไป แต่ก็ชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"คนที่พูดจาไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจิตใจของเขาจะไม่ดีไปด้วยนะ" พูดแล้วสบตาหมิง เป็นสายตาที่ลึก จน อ่านไม่ออก -*-
"แล้วตกลงจะซื้อลูกชิ้นไปทำกินเองแล้วหรอ" หมิงถามเบาๆ
"เปล่านี่ ทำก๋วยเตี๋ยวเองก็คงไม่อร่อยเท่าร้านอาโกหรอก" พูดแล้วยกถุงลูกชิ้นขึ้นดู "ลูกชิ้นนี่จะซื้อไปให้ลุงต้อยแกทำ ลูกชิ้นปลากรายนี่ทำแกงเขียวหวาน ส่วนลูกชิ้นสาหร่ายทำแกงจืดลูกชิ้น เอาไปทำบุญช่วยงานยกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์พรุ่งนี้ไง พอดีวันนี้ลุงต้อยไม่สบาย เลยมาตลาดแทน"
บุญก่ออธิบายยืดยาวแล้วนึกไปถึงลุงต้อย ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเขา เช้าวันนี้ลุงต้อยรู้สึกหน้ามืด มาซื้อกับข้าวที่ตลาดไม่ได้ เขาจึงรับอาสามาซื้อของแทน ก่อนจะไปประจำที่คิวรถสองแถวต่อ
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง" หมิงพยักหน้าเข้าใจ ขยับจะพูดอะไร แต่คนข้างๆ ไม่อยู่ฟัง ทำท่าตีสแตกแล้วเดินฮัมเพลงจากไป หมิงมองแล้วยิ้มกับตัวเองนิดๆ ไม่รู้ว่าดีใจเรื่องอะไรสิน่า | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Thu Feb 15, 2007 10:49 pm | |
| ฝ่ายเซเรน่า ซื้อหมูปิ้งเสร็จแล้ว กำลังจะเดินไปซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ แป้งทอดที่อยู่ถัดจากร้านหมูปิ้งออกไปทางหน้าตลาด ก็บังเอิญเจอกับทุยเดินมาพอดี
"อ้าว พี่วินมอไซค์มาซื้ออะไร" เซเรน่าทักแล้วยิ้มอย่างสดใส ทุยยิ้มตอบ "อ๋อ มาซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ให้แม่น่ะ แล้วน้องล่ะ"
"อ๋อ ซื้อหลายอย่าง ขี้เกียจบรรยายน่ะพี่" เซเรน่าชูถุงกับข้าวที่ซื้อมาแล้วให้ดู "อ้อ ยังไม่รู้ชื่อพี่เลย หนูชื่อเซเรน่า หนูมาอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวของหมิงน่ะ"
"หรอ ดีนะมาช่วยหมิงขายก๋วยเตี๋ยว พี่ชื่อทุย อยู่วินมอเตอร์ไซค์ตรงข้ามร้านก๋วยเตี๋ยวเนี่ยแหละ ถ้าจะไปไหนก็เรียกพี่ได้" ทุยตอบ ทั้งสองพากันเดินมาที่ร้านน้ำเต้าหู้
เมื่อถึงแล้วก็เห็นว่าชายคนหนึ่งกำลังยืนสั่งน้ำเต้าหู้อยู่พอดี
ชายที่รักสุขภาพคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากตรัย ชายหนุ่มพอเห็นว่าใครเดินมาก็ทัก
"อ้าว นั่นคุณทุยนี่ มาซื้อน้ำเต้าหู้หรอครับ" ทุยยิ้มให้ ขยับจะตอบ แต่เซเรน่าชิงแทรกขึ้นมาซะก่อน "มาร้านน้ำเต้าหู้ คงจะมาซื้อหอยทอดหรอกมั้ง"
ตรัยหันมามองดุๆ ทำท่าไม่สนใจ หันมาคุยกับทุยต่อ "วันนั้นขอบคุณคุณทุยอีกครั้งนะครับ ที่ช่วยไปส่งผม"
ทุยขยับปากจะตอบ แต่เซเรน่าก็ชิงพูดขึ้นอีกตามเคย "อะไรนะ นี่หมายความหมอต่ายไม่ได้จ่ายตังค์ให้พี่ทุยหรอ หลอกขึ้นรถฟรีนี่นา" ตรัยหันขวับไปมองอีกครั้ง ขยับจะพูด แต่ก็...ไม่ทันอยู่ดี
"อะไรกัน ตัวเองเป็นถึงหมอ ขึ้นรถแค่นี้ก็ไม่จ่ายตังค์" คำพูดนั้นทำให้ตรัยหมั่นเขี้ยวขึ้นมาทันที ดูนะดู พูดเองเออเอง น่าจับมาหักคอซะจริงๆ เลยเด็กคนเนี้ย
คราวนี้ทุยรีบแก้ให้ทันที "คือไม่ใช่อย่างนั้นนะน้อง พี่เห็นว่าทางมันใกล้นิดเดียวเลยไม่รู้จะคิดตังค์ยังไง อีกอย่างหมอต่าย" ทุยเรียกตามเซเรน่า ทำเอาตรัยกลุ้มขึ้นมานิดๆ ทำไมใครๆ ต้องเข้าใจชื่อเราตามเด็กคนนี้ไปหมดเลยเนี่ย
"หมอต่ายใช่ไหมครับ" ทุยเรียกอีกครั้ง เซเรน่ารีบรับคำแทน "ใช่ค่ะ เขาแนะนำตัวเองบนรถสองแถวว่าอย่างนั้น"
"ครับ หมอต่ายเขาเพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้ทาง ไปส่งแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก หมอต่ายเขาพยายามจะให้เงินพี่แล้ว แต่พี่ไม่อยากรับ"
"อ้อ อย่างงั้นเองหรอพี่ทุย" เซเรน่าทำหน้าไก๋ ก่อนจะเสไปสั่งน้ำเต้าหู้ ตรัยมองตามแล้วส่ายหน้านิดๆ หันไปมองทุยก็เห็นยืนมองอยู่
"งั้นที่คุณไปอนามัยก็คงจะมาทำงานกับหมอน้ำมนต์สิครับ"
"ใช่ครับ" ตรัยรีบรับคำ สงสัยกลัวคนบางคนแทรกเข้ามาอีก "ความจริงผมไม่ใช่หมอหรอกครับ ผมเป็นเภสัชกร มาช่วยหมอน้ำมนต์"
"เรียกหมอก็ไม่เป็นไรนี่ครับ เรียกง่ายดี" ทุยว่า ตรัยขยับจะบอกชื่อจริงตัวเองออกไป แต่ทุยพูดขึ้นมาเสียก่อน หน้าตาจริงจัง
"เออ หมอต่ายครับ แม่ผมเป็นโรคภูมิแพ้แล้วก็หอบหืดเรื้อรัง เมื่อวานอาการไม่ค่อยดีเลย"
"ให้หมอน้ำมนต์ตรวจให้ดีไหมครับ หมอน้ำมนต์น่ะจบแพทย์เกียรตินิยมมา เป็นหมอที่เก่งมากๆ ไปให้หมอน้ำมนต์ดูก่อน แล้วอาการดีไม่ดียังไง ค่อยส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ อย่างโรงพยาบาลโคกสารินดีไหมครับ"
"หมอต่ายว่าอย่างงั้นหรอครับ"
"ครับ ผมว่ารีบพาแม่ไปหาหมอน้ำมนต์ก่อนดีกว่า" ว่าแล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ที่เพิ่งซื้อมาส่งให้ทุย "นี่ผมฝากน้ำเต้าหู้ไปให้แม่กับคนที่บ้านคุณทุยด้วยนะครับ กินของมีประโยชน์ร่างกายจะได้แข็งแรง"
"จะดีหรอครับ ผมเกรงใจ เดี๋ยวผมซื้อเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าเป็นการขอบคุณ ที่ช่วยไปส่งผมวันนั้น แล้วสายๆ คุณทุยก็พาแม่มาที่อนามัยนะครับ" ตรัยว่าแล้วส่งถุงน้ำเต้าหู้ให้ ทุยรับมาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"ขอบคุณมากครับ ถ้าหมอต่ายอยากไปที่ไหนก็เรียกผมได้นะครับ แล้วผมจะไปส่งให้" แล้วทุยก็รีบเดินออกจากตลาดไปอย่างรีบเร่ง | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 10, 2007 10:39 am | |
| ตรัยมองตามก่อนจะหันกลับมาและพบสายตาของคนที่ยืนมองอยู่ ท่าจะนานแล้ว ตรัยเลิกคิ้วเป็นคำถาม
"มองทำไม มีปัญหาอะไรหรอ"
เซเรน่าเลิกคิ้วตอบ "ปัญหาน่ะมี แต่ขี้เกียจทาย กลัวตอบไม่ถูก"
ตรัยมองแล้วส่ายหน้า "เลิกกวนซะทีได้ไหม โตแล้วนะ ทำกวนเป็นเด็กไปได้" เซเรน่าสวนทันที
"งั้นก็เลิกเก๊กสักทีสิ ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้ ถึงแม้ว่าจะแก่แล้วก็เหอะ" ประโยคท้ายแอบกัดเล็กๆ ตรัยส่ายหน้า เดินหนีออกมาหน้าตลาด เซเรน่าเดินตาม จนมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นก้ามปู
"ทำไมอยู่ดีๆ ต้องเดินหนีด้วยล่ะ" เซเรน่าที่เดินตามหลังมาอดถามกวนๆไม่ได้
"ไม่ได้เดินหนี แต่จะมาหาที่คุยเงียบๆ" ตรัยหันกลับมาจ้องหน้าแล้วพูดเน้นๆ จนเซเรน่าอึ้งไป "มีเรื่องอะไรต้องคุยด้วยหรอ"
"มีสิ มีแน่" ตรัยว่า ขยับจะพูดอะไร แต่ไม่ทันได้พูด เพราะเสียงนกหวีดดังขึ้นซะก่อน
"ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ไม่รู้อะไร มันเป่ากันทั้งเรื่องเลย กว่าจะจบสงสัยตัวละครหมดลมตายกันพอดี
แล้วใครล่ะที่เป่า ก็หมวดเด่นนน่ะสิ ปฏิบัติหน้าที่กันเช้ายันค่ำ (ทั้งตำบลมีตำรวจอยู่คนเดียวหรือไงเนี่ย -*-)
ตรัยและเซเรน่าหยุดกึก หันมามองไปทางถนนหน้าตลาด เห็นหมวดเด่นทำหน้าหงุดหงิด หัวเสียกว่าทุกครั้ง
จะไม่หัวเสียได้ไงล่ะ รถสองสามคันแทบจะจูบกันอยู่กลางถนน ขณะที่ในเวลาเช้ามีเด็กนักเรียนเดินเข้ามถนนไปโรงเรียนเยอะแยะไปหมด
สวัสดิภาพของนักเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา รถพวกนั้นนี่ช่างไม่มีจิตสำนึกเอาซะเลย | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 10, 2007 10:41 am | |
| สองในสามคันนั้น คือรถมอเตอร์ไซค์จุ๊บจุ๊บของสาวแฝด ส่วนช็อปเปอร์คันเบ้อเร่ออีกคันนั้น ไม่รู้เป็นของใคร ก็ดูคนขับสิ ทำนั่งเต๊ะท่าสวมแว่นดำ ขนาดรถจะไปจูบรถสองแฝดอยู่แล้ว ยังทำนั่งเท่ห์อยู่ได้
หมวดเด่นเดินเข้าไปหาสองสาวทันทีด้วยความฉุนเฉียว
"ว่าไงคุณพุทรา คุณมะยม ขับรถอย่างนี้ได้ยังไง ไม่เห็นหรอครับว่าเด็กๆ กำลังข้ามถนน"
มะยมยิ้มแหย รีบขอโทษขอโพยทันที "ต้องขอโทษด้วยนะคะหมวด พอดีเรารีบน่ะค่ะ"
"จะรีบไปไหนนักหนาครับ รีบยังไงก็ไม่น่าจะมองไม่เห็นเด็กๆข้ามถนนนะครับ ถ้าเกิดเด็กเป็นอันตรายขึ้นมาจะทำไง"
"ก็แล้วมันเกิดขึ้นหรือยังล่ะคะผู้หมวด" พุทรารีบแทรกเสียงแข็งขึ้นมาทันที พลางทำหน้าเบื่อ "เรื่องเล็กน้อย ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ยังไม่เห็นมีใครเป็นอะไรสักหน่อย"
หมวดเด่นหันมามองหน้าพุทรา "ผมไม่ยอมให้มีใครเป็นอะไรซะก่อน แล้วค่อยมาห้ามหรอกครับ" หน้าตาจริงจังของเขาทำให้พุทราเมินไปด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ หมวดเด่นจ้องตาอยู่ครู่ก็หันมาที่คนขับรถช็อปเปอร์ที่นั่งเต๊ะท่าอยู่
"แล้วคุณล่ะ ขับรถไม่เห็นเด็กหรอครับ"
"ผมจะเห็นได้ไง ก็ผมใส่แว่นดำ" หนุ่มช็อปเปอร์เล่นมุขก่อนจะถอดแว่นตาดำออก แล้วทำยิ้มเท่ห์
"อ้าว นั่นอาโกชานี่นา แทบจำไม่ได้เลยนะ" หมวดเด่นร้องเรียกอย่างจำได้ ก็แหม ร้านกาแฟโด่งดังที่สุดในโคกสาริน ใครบ้างล่ะจะไม่รู้จัก
"ผมรู้ดีว่าผมหล่อขึ้น ถ้าหมวดจะจำผมไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกนะ" อาโกชาว่าขรึมๆ แต่สองสาวแฝดทำหน้ายี้ แล้วเบือนหน้าหนี
"ทีเราละตะคอกเอาตะคอกเอา ทีพวกเดียวกันละไม่ว่าสักคำ" พุทราเปรยออกไม่เบานัก หมวดเด่นหันไปมอง ก่อนจะหันมาหาอาโกชา
"อาโกทำผิดกฏนะครับ ผมต้องขอเชิญทั้งสามคนเลยไปเปรียบเทียบปรับที่โรงพักตอนนี้"
"อะไรตอนนี้หรอ ไม่ได้นะ" พุทราร้องขึ้นมาทันที หมวดเด่นหันมาอีกครั้ง เลิกคิ้วถาม "ทำไมจะไม่ได้ครับ คุณมีปัญหาอะไรหรอ"
"คือเราจะไปซื้อดอกไม้มาร้อยมาลัย เอาไว้ให้พี่ตุ่น ชุมพลแสดงลิเกคืนนี้น่ะค่ะ งานยกฟ้าใบระกาหางหงส์ที่วัดเริ่มพรุ่งนี้ แต่คืนนี้จะมีลิเกของพี่ตุ่นเป็นคืนแรก เรากลัวว่าจะไม่ทัน"
"อะไรนะ จะรีบไปซื้อดอกไม้ร้อยมาลัยให้พี่ตุ่น ชุมพลเนี่ยนะ เหตุผลนี้หรอที่คุณไปโรงพักตอนนี้ไม่ได้น่ะ" หมวดเด่นทำหน้าขัดใจ แต่สองสาวพยักหน้ารับคำ หมวดเด่นขยับจะพูดอะไรออกมาอีก แต่อาโกชาขัดขึ้นซะก่อน
"อะไรนะ นี่ลิเกตุ่น ชุมพลจะเล่นคืนนี้แล้วหรอ" ท่าทางอาโกชาตื่นเต้นจนหมวดเด่นต้องส่ายหน้า "นี่อาโกก็เป็นไปกับเขาอีกคนหรอเนี่ย"
"อ้าว ก็พ่อตุ่น ชุมพลน่ะเขาออกจะเป็นลิเกเจ้าเสน่ห์ ผมก็หลงเสน่ห์น่ะสิ อุ๊บ ไม่ใช่ ผมจะไปดูเพื่อศึกษาอะไรบางอย่าง เผื่อจะไปฝึกมาแข่งกับใครบางคน"
อาโกชาพูดแล้วนึกหมายมั่นปั้นมือ คราวนี้ละวะ ลิเกจากชัยนาทคงไม่อาจสู้ลิเกลูกข้าวเหนียวอย่างเขาได้แน่นอน
"ผมว่าพวกคุณจะเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว อะไรจะหลงพ่อตุ่น ชุมพลนักหนา" หมวดเด่นร้องอย่างไม่เข้าใจ
"ไม่ได้มีแต่เรานะ ที่ชอบพี่ตุ่น ชุมพล ใครๆ เขาก็ชอบกันทั้งนั้นแหละ มีแต่คนขวางโลกบางคนละมั้ง ที่ไม่ชอบน่ะ" พุทราว่าเสียงแข็ง หมวดเด่นหันขวับมามองทันที
"นี่คุณว่าผมเป็นคนขวางโลกงั้นหรอ" พุทราทำเมินไป "งั้นก็ดี งั้นคนขวางโลกอย่างผมนี่แหละ จะขอบังคับให้พวกคุณทุกคน" พูดแล้วกวาดตามองทั้งสามคน
"ไปโรงพัก เปรียบเทียบปรับกับผมตอนนี้เลย ถ้าไม่อย่างนั้นคืนนี้ก็นอนโรงพักไปเลย ไม่ต้องดงต้องดูมันแล้วพี่ตุ่น ชุมพลน่ะ"
สิ้นคำหมวดเด่น พุทราทำหน้าบึ้ง ขยับจะตอบโต้ แต่มะยมกระตุกแขนห้ามไว้ ก่อนจะพูดเสียงรอมชอม
"โธ่ หมวดคะ อย่าใจร้ายกับเราเลย ตกลงว่าเราจะไปโรงพักกับหมวดตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ" ฝ่ายอาโกชาก็ยิ้มแหะๆ
"โธ่ หมวดเล่นแรงแฮะ ไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ ทำไมโหดจัง งั้นไปตอนนี้ก็ได้ เสร็จแล้วผมจะได้ไปเยี่ยมอาโกวิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสักหน่อย"
"ดีครับ ที่พูดกันง่ายๆ" หมวดเด่นยิ้มนิดๆ ปรายตามองพุทรา "ถ้าพูดดีๆ อย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีเรื่องแล้วล่ะครับ" แล้วก็เดินออกมาที่รถ แต่ยังไม่วายได้ยินเสียงดังไล่หลังมาว่า
"ตำรวจรังแกประชาชน..." หมวดเด่นหันขวับไปมอง ก็เห็นสองแฝดทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาจึงส่ายหน้าแล้วขึ้นรถขับออกไป | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 10, 2007 10:44 am | |
| เมื่อเหตุการณ์สงบ ทั้งสามคนก็ตามหมวดเด่นไปโรงพัก ตรัยกับเซเรน่ายืนมองจนพวกเขาพากันขับรถออกไปหมด
แล้วเซเรน่าก็หันกลับมา
"ว่าไง ไหนว่ามีเรื่องจะพูด" ตรัยหัวเราะหึหึ "เรื่องที่จะพูดเนี่ยตั้งใจฟังให้ดีนะ"
"รู้แล้วละน่า ลีลาจริงๆเลย จะพูดก็พูดมาซะทีเหอะ" เซเรน่าทำท่ารำคาญ แต่หูเนี่ยเงี่ยฟังเต็มที่
"คือว่า..."ตรัยขยับจะพูด แต่ว่า....ก็ได้ยินเสียงหมิงดังมาจากข้างหลังซะก่อน
"เซร่า..." ทั้งสองหันไปมอง ก็เห็นหมิงยืนยิ้มอยู่ มือถือข้าวของพะรุงพะรัง หมิงเดินเข้ามาหาเซเรน่าแล้วมองตรัยอย่างสงสัย
"นี่หมอต่ายไง คนที่ชั้นนินทาให้ฟัง เอ้ย ไม่ใช่" ประโยคหลังเซเรน่ารีบกลบเกลื่อน "คนที่มาทำงานที่อนามัยไง"
"อ๋อๆ" หมิงพยักหน้า "คุณหมอต่ายนี่เอง เป็นไงคะ ก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอร่อยไหม" อ้าวถามจริงหรือแกล้งถามเนี่ย ตรัยฟังแล้วยิ้มเฉยๆ หันไปมองเซเรน่า
"อร่อยครับ อร่อยมาก"
"งั้นคราวหลังก็มากินที่ร้านอีกนะคะ ที่ร้านยินดีต้อนรับค่ะ" หมิงว่าแล้วหันไปหาเซเรน่า "นี่ๆ เซร่า เรากลับกับเถอะ เดี๋ยวคืนนี้เราไปดูลิเกพี่ตุ่น ชุมพลกัน"
"หมิงก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ" เซเรน่าถามยิ้มๆ
"เป็นอะไรอ่ะ"
"เปล่าๆ ไม่มีอะไร ท่าจะสนุกดีเหมือนกันนะลิเกพี่ตุ่น ชุมพลเนี่ย เห็นใครๆ ก็ตั้งตารอดูกันทั้นนั้น"
"สนุกสิ ลิเกพี่ตุ่นเนี่ยสนุกสุดยอดเลย เมื่องานสวดภาณยักษ์ที่วัดโคกสารินน่ะนะ คืนนั้นฝนตกหนักมาก แต่คนดูก็ยังไม่ยอมกลับ ยังอยู่รอให้ฝนหยุด เพื่อรอดูพี่ตุ่นเล่นนี่แหละ อย่าว่าโง้นงี้เลย หมิงเองก็ไปดูมาด้วยแหละ" หมิงว่า หันไปมองตรัยก็เห็นยืนฟังอย่างสนใจ จึงหันไปชวน
"คุณหมอต่ายละคะ สนใจจะไปดูลิเกพี่ตุ่น ชุมพลไหม สนุกนะคะ คืนนี้ที่วัดของเราจะเริ่มเป็นคืนแรกค่ะ ไปดูด้วยกันกับพวกเราไหมคะ" เซเรน่าหันไปมองหมิงทันที กระซิบเบาๆ "เฮ้ย หมิง ชวนเขาไปทำไม"
"แหม สงสารหมอต่ายเขา มาใหม่ๆ คงยังไม่มีเพื่อน เธอไม่สงสารเขาหรอ" หมิงกระซิบตอบ เซเรน่าหันไปมองตรัยแล้วเมินไป หมิงจึงถามย้ำ
"ว่าไงคะ ไปกับพวกเราไหมคะ"
"โอ้ย หมิง ลิกงลิเกอะไรเนี่ย หมอต่ายเขาคงไม่ชอบดูหรอก เธอไม่รู้อะไร เขาน่ะมาจากกรุงเทพฯ เชียวนะ คนกรุงเทพฯใครเขาจะดูลิเกกันล่ะ เชยจะตายเขาต้องดูพวกละครเวทีบรอดเวย์อะไรโน่น"
ตรัยหันมามองหน้าเซเรน่า ขยับจะพูดอะไรแล้วไม่พูด ได้แต่ตอบสั้นๆ ว่า "ไปครับ พอดีละครบรอดเวย์อะไรนั่น ผมดูจนเบื่อแล้วนะครับ" พูดแล้วหันไปมองเซเรน่า แต่เซเรน่าไม่มอง ทำเมินไป
"งั้นตกลง เราไปเจอกันหน้าศาลาวัดทุ่งแมกโนเลียนะคะ" หมิงนัดเสร็จสรรพก่อนจะชวนเซเรน่าเดินกลับร้านก๋วยเตี๋ยว ตรัยมองตาม ในใจเขาคิดอะไรอยู่ไม่รู้ -*- (ไม่รู้แล้วจะเขียนทำไม) | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Thu Mar 15, 2007 4:43 pm | |
| เช้านี้แมนขับรถมาจอดที่หน้าคฤหาสถ์คุณนายแจ่มตามเคย วันนี้เขาไม่มีจดหมาย แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่
เขาลงจากรถแล้วยืนด้อมๆ มองอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน มองแล้วก็ถอนหายใจ มาแล้วก็รู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ ไม่รู้จะมาทำไม แต่ว่า ได้เห็นแค่บ้านก็ยังดี
ในขณะที่แมนกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็มีก้อนหินก้อนหนึ่งวิ่งแหวกอากาศเข้ามาโดนหัวเขาอย่างจัง ดัง
"ป๊อกกกกกกกกกกกกกก"
"โอ้ยยยยยยยยยยยย" แมนสะดุ้ง เผลอตัวร้องเสียงดัง รีบหันไปหาที่มาของเสียงทันที
ใครกันวะ มาทำเปรี้ยวปาหินใส่หัวเรา เจ็บนะเนี่ย แมนคิดแล้วคลำหัวป้อย ปากก็ส่งเสียงไปว่า
"เฮ้ย ใครปาหัววะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลย" พลันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากซุ้มพู่ระหงส์ริมรั้ว แมนสาวเท้าเข้าไปทันทีอย่างเงียบๆ เข้าไปถึงเห็นซุ้มพู่ระหงส์ไหวน้อยๆ แสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวคนแอบอยู่ข้างหลังนั้นคงหัวเราะจนไหล่สั่นทีเดียว แหม มันน่า...
แมนไม่พูดพร่ำทำเพลง เขกหัวไอ้คนที่แอบอยู่ทันที
"โป๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก" ถนัดถนี่จนคนโดนร้อง
"โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย" แล้วทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากซุ้มทันที ลุกขึ้นได้ก็คลำหัวป้อยๆ เช่นเดียวกับแมน
บริทนีย์นั่นเองที่ยืนร้องลั่นด้วยน้ำเสียงแปดหลอด มือหนึ่งกุมหัว อีกมือหนึ่งชี้หน้าแมน
"นายแมนบ้า เขกหัวมาได้ เจ็บนะ"
แมนเห็นสภาพคนตรงหน้า ใจหนึ่งก็หมั่นไส้ อีกใจก็ขำ "สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เอาหินมาปาหัวผมก่อนล่ะ ฮ่าๆๆๆ" พูดแล้วหัวเราะเสียงดัง
"ก็แค่ปาเล่นๆ แต่นี่เขกเอาจริงๆ เลยนี่" บริทนีย์ยังไม่วายบ่น
"อ้าว นี่ก็เขกเล่นๆ เหมือนกัน แต่เขกจริงหัวแตกไปแล้วล่ะ ช่วยไม่ได้ อยากแกล้งก่อนทำไมล่ะ" แมนว่าแล้วยังหัวเราะไม่หยุด บริทนีย์มองอย่างหมั่นใส้ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงยิ้มอย่างรู้ทัน
"เอ๊ะๆ นี่นาย มาแอบดูใครที่บ้านคุณนายแจ่มอีกแล้ว ฮั่นแน่" บริทนีย์ชี้หน้าแมน แมนสะดุ้ง ก่อนจะตอบแก้เก้อ
"ผมไม่ได้แอบดูใครสักหน่อย"
"ไม่ได้แอบดูใครแล้วทำไมต้องมาจอดรถหน้าบ้านนี้ด้วย มีจดหมายมาส่งหรอ" บริทนีย์คาดคั้งต่อ แมนอึกอักก่อนจะตอบว่า "ก็ไม่มีหรอก เพิ่งส่งไปเมื่อวานนี้ จะมีอะไรอีกล่ะ"
"อ้าว ไม่มีแล้วมาจอดที่นี่ทำไม จอดทำไม" ประโยคหลังเน้นคำ ทำเอาแมนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
"นี่ๆ ชั้นถามจริงๆ เหอะ นายมาแอบชอบใครบ้านนี้บอกชั้นได้นะ เดี๋ยวชั้นช่วยได้ เอามะๆ" บริทนีย์ยังไม่ละความพยายาม แต่แมนรีบปฏิเสธ
"ก็ผมบอกแล้วว่าไม่ได้แอบดู ไม่มีอะไร ชอบคิดเป็นตุเป็นตะเรื่อยเลย" พูดแล้วหลบตาคนตรงหน้า
"สรุปว่าชั้นคิดไปเองงั้นสิ" บริทนีย์ยิ้มเยาะ "สรุปว่านายมาจอดรถที่บ้านนี้บ่อยๆ ก็แค่มาดู....บ้าน....ดู....สวน ของคุณนายเขา ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยใช่ไหม จะให้ชั้นเข้าใจว่างั้นใช่ไหม"
"อือ คิดได้อย่างนั้นก็ดี" แมนตัดบท
"เออๆ อย่าให้จับได้แล้วกัน คอยดูนะจะจับให้ดิ้นไม่หลุดเลย" บริทนีย์จ้องตาแมนเขม็ง แต่แมนหลบสายตา | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Thu Mar 15, 2007 4:46 pm | |
| "ปรี๊นๆ ปรี๊นๆ" เสียงรถดังขึ้นที่ในรั้วบ้าน พร้อมกับที่ประตูรั้วแบบอัตโนมัติค่อยๆ เปิดออก รถยุโรปคันยาวเคลื่อนตัวออกมาจากรั้ว และมาหยุดที่หน้ารั้ว ที่แมนและบริทนีย์ยืนอยู่
คุณนายแจ่มและพัชรานั่งอยู่ด้านหลังรถ มีตาปุ่นประจำที่คนขับด้านหน้า
แมนใจเต้นแรง ก่อนจะพยายามทำใจให้ปกติ ทำสีหน้าปกติ ส่วนบริทนีย์แอบเหลือบมองแมนอย่างจับผิด เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขาแล้ว บริทนีย์ก็เดาความคิดของแมนไม่ออก
พัชรากดปุ่มเลื่อนกระจกมาพูดกับบริทนีย์ "บริทนีย์มาทำอะไรตรงนี้ ชั้นหาแทบแย่แน่ะ" พูดแล้วเลื่อนสายตามามองที่แมน แล้วยิ้มให้ แมนยิ้มตอบ บริทนีย์แอบสังเกตอาการแมน เอ ก็ปกติดีนี่หว่า
"ชั้นมาเดินเล่นน่ะ แล้วพัชรากับแจมมี่จะไปไหนคะ" บริทนีย์ยิ้มก่อนตอบ แต่พัชราทำหน้าเซ็ง กระซิบเบาๆ ไม่ให้คุณนายแจ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ทางด้านในได้ยิน
"เนี่ย คุณแม่จะให้ชั้นไปช่วยเก็บดอกเบี้ยพวกตลาดน่ะ ชั้นเบื่อจะแย่แล้ว เนี่ยมองหาเธอจะชวนมาด้วยกันซะหน่อย เธอก็ไม่อยู่ ไม่งั้นชั้นได้เอารถจี๊ปออกมาแล้ว"
"แหม ไปเก็บดอกเบี้ยหรอ เรื่องเงินๆทองๆ เธอไปกับแจมมี่เถอะ เดี๋ยวชั้นรออยู่ที่บ้าน" บริทนีย์ตอบ เสียงคุณนายทักมาว่า
"บริทนีย์ไปเก็บดอกที่ตลาดกับแจมมี่ไหมจ๊ะ"
"ไม่ละค่ะ" บริทนีย์ตอบ "ไปจะเกะกะเปล่าๆ เดี๋ยวบริทนีย์รออยู่ที่บ้านดีกว่า"
"งั้นเดี๋ยวจะรีบกลับมานะ คืนนี้ที่วัดมีลิเก บริทนีย์สนใจหรือเปล่า" พัชราชวน ก่อนจะกระซิบ
"แต่เราต้องไปกันเองนะ ไม่อยากไปกับคุณแม่ ขานั้นน่ะ เตรียมพวงมาลัยแบ้งค์พันไว้คล้องคอพี่ตุ่น ชุมพลเป็นสิบพวง ขืนไปกับคุณแม่อายเขาตาย"
"เพชรชี่" เสียงคุณนายดังขัดขึ้นมา "นินทาอะไรแม่อีก แม่ไม่ปลื้มเลยนะ"
"เปล่าค่ะ" พัชรารีบปฏิเสธก่อนจะหันมาทักแมนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง "ว่าไงนายแมน วันนี้มีจดหมายหรือเปล่าคะ"
แมนยิ้มตอบอีกครั้ง ยิ้มอยู่นานจนบริทนีย์ต้องเอาข้อศอกกระทุ้งสีข้าง แมนสะดุ้ง ก่อนจะตอบ "วันนี้ไม่มีจดหมายครับ แต่พอดีแวะมาทักบริทนีย์ เห็นเขาเดินอยู่หน้าบ้าน"
บริทนีย์หันมามองแมนทันที แอบค้อนให้ แหม เอาชั้นมาอ้างเลยนะ
พัชราพยักหน้าเข้าใจ ขยับจะพูดอะไร ก็พอดีคุณนายแจ่มเอ่ยขึ้นก่อน "อ้าว นายแมน มาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่" คุณนายทักแล้วยิ้มอย่างใจดี
แมนยิ้มตอบ ยิ้มนานอีกแล้ว บริทนีย์มองก่อนจะส่ายหน้า อะไรกันนักหนานะ กระทุ้งสีข้างเรียกตามเคย แมนจึงสะดุ้ง
"ก็มานานแล้วครับ"
"แล้วอารักเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม" คุณนายแจ่มถามถึงอารัก อาผู้ใจดี ขี้เล่นของแมน อาที่เลี้ยงดูแมนมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่พ่อแม่ของแมนตายจากไป
"ก็ สบายดีครับ" แมนตอบอย่างนอบน้อม คุณนายแจ่มจึงว่า "งั้นฝากบอกอาของเธอด้วยนะ ว่าว่างๆ ชั้นจะไปเยี่ยม แล้วนี่จะไปไหน เดี๋ยวไปส่งให้เอาไหม" คุณนายเอ่ยอย่างปราณี กลบเกลื่อนแววตากินเด็กไว้ได้หมดสิ้น อิอิ
"ไม่เป็นไรครับ ผมเอามอเตอร์ไซค์มา เดี๋ยวก็คงจะไปส่งจดหมายต่อ" แมนตอบ บริทนีย์เหล่มอง พลางค่อนในใจ แหม เพิ่งจะเห็นพูดจาสุภาพก็วันนี้แหละ
"งั้นชั้นต้องไปก่อนนะ" คุณนายแจ่มว่า แล้วหันไปลาบริทนีย์ "ไปก่อนนะจ๊ะ บริทนีย์"
"บายค่ะ" บริทนีย์ยิ้มตอบ แล้วรถยุโรปคันยาวของคุณนายแจ่มก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 31, 2007 9:04 pm | |
| พอรถออกไปได้แล้ว บริทนีย์หันมามองแมนทันที มองอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร จนแมนเริ่มร้อนตัว
"มองอะไร"
"เปล๊า.." บริทนีย์ปฏิเสธ "ชั้นก็แค่สงสัย ว่าทำไมนายต้องดูนอบน้อมและก็ดูสุภาพกับพัชราแล้วก็คุณนายแจ่มขนาดนั้นด้วยอ่ะ"
แมนหลบตา "อะไรๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย คุณนายเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ก็ต้องพูดสุภาพกับเขา ส่วนคุณพัชราเขาก็พูดกับเราดีๆ แล้วจะให้ผมพูดกับเขาไม่ดีหรือไง"
"อ๋อ หรอ" บริทนีย์มองอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะชี้หน้า "อย่าให้ชั้นจับได้แล้วกัน"
"อือ ๆ ไม่ให้จับได้หรอก เอ้ย ไม่ใช่" แมนเผลอหลุดปากพูดไป ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "ผมไปส่งจดหมายดีกว่า เดี๋ยวไม่ทัน"
"อ้าว เดี๋ยวสิ ให้ชั้นไปด้วยนะ" บริทนีย์รีบเรียกเอาไว้ แมนหันมามอง "คุณไม่มีไรทำหรอ"
"ถ้ามีก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ บ้านไม่มีใครอยู่ จะให้ชั้นทำอะไรล่ะ เจ้าฟู่เจ้าฟี่ก็เอาน้องโง้งไปกินหญ้าที่ทุ่งแต่เช้า"บริทนีย์โอดครวญ "ให้ชั้นไปช่วยทำงานเหอะนะ แล้วเดี๋ยวคืนนี้เราได้ไปดูลิเกด้วยกัน ไปป่ะ"
"ใครบอกว่าผมจะไปกับคุณ" แมนหันมาบอกหน้าเฉยๆ
"อ่ะแน่ะ ไม่อยากไปกับพัชราหรอ คุณนายแจ่มด้วยนะ" บริทนีย์ว่ายิ้มๆ แมนถอนหายใจ "ไม่รู้อะไร อย่าเพิ่งพูดไปได้ไหม คนอื่นเขาเสียหาย"
"ก็นายไม่บอก ชั้นจะรู้ไหมล่ะ นายนี่เป็นอะไรไม่รู้ ชอบเก็บเงียบเอาไว้ทุกอย่าง ระวังจะอกแตกตายสักวัน"บริทนีย์ค่อน แมนฟังแล้วหัวเราะ
"เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน คุณรู้ใจผมขนาดนี้เลยเหรอ"
"เอาน่าๆ รู้จักกันกี่วันไม่สำคัญหรอก นายมีงานสนุกดี ชั้นชอบ" บริทนีย์ว่า
"เอาเป็นว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วกัน แล้วเลิกพูดว่าผมกับคุณซะทีเหอะ ฟังไงไม่รู้ ไหนๆ ก็ไหนแล้ว ชั้นจะช่วยส่งจดหมายไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ยังไม่มีอะไรทำนะ ดีไหมแก" ประโยคหลังยักคิ้วให้ แมนทำหน้าแปลกๆ
"เอ้า ว่าไง ถามว่าดีไหม" บริทนีย์ย้ำ แมนเลยเออออตาม "เออๆ ดีก็ดีวะ"
บริทนีย์ฟังแล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะชวนแมนไปทำงานส่งจดหมาย แมนจึงรีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ บริทนีย์นั่งซ้อนท้าย มองคนที่นั่งข้างหน้าอย่างครุ่นคิด | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 31, 2007 9:07 pm | |
| รถยุโรปคันยาวของคุณนายแจ่มมาจอดที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว คุณนายแจ่มลงจากรถเดินเข้าตลาดพร้อมกับพัชรา
เดินมาถึงร้านขายข้าวสาร เห็นชายร่างท้วมคนหนึ่งกำลังนั่งเกากีต้าร์ร้องเพลงด้วยเสียงนุ่มๆ
"ก็คิด..อยู่นาน จะหวานจนเธอว่าเชยหรือเปล่า ไม่เหมือน แบบของเรา จับมือกันเพียงเบาๆ ก็รู้กัน..."
"อะแฮ่ม..." คุณนายกระแอม ชายคนนั้นจึงรู้ตัวหันมา เขาคือเฮียบวบ เจ้าของขายข้าวสารผู้พิสมัยการเกากีต้าร์คลอไปกับเสียงนุ่มๆ ยิ่งนัก เขาคิดว่าการร้องเพลง เกากีต้าร์ระหว่างการขายข้าวสารนั้นถือเป็นศิลปะการขายชั้นสูงเลยทีเดียว
พอเขาเห็นว่าใครมายืนหน้าร้านก็ร้องทัก "อ้าว คุณนาย มาเก็บดอกหรอ"
"ก็ใช่น่ะสิ เฮียบวบ มากี่ทีๆ ก็เห็นเฮียร้องเพลงเล่นกีต้าร์ทุกที" คุณนายแจ่มว่ายิ้มๆ "แล้วเป็นไงบ้างล่ะ กิจการดีไหม"
เฮียบวบยิ้มให้คุณนาย แต่ไม่ยอมวางกีต้าร์ลง "ก็เรื่อยๆนะ แล้วคุณนายล่ะ ทำไมวันนี้มาเช้าจัง"
"จะไม่มาเช้าได้ยังไล่ะ" คุณนายเบ้ปาก "ก็เมื่อวานอุตส่าห์มาตอนเย็น นึกว่าจะไม่รู้ตัวกัน ดันหลบกันไปหมด วันนี้เลยแกล้งมาเช้าบ้าง ดูสิว่าจะหลบกันอีกไหม"
"โธ่ คุณนาย จะเอาอะไรมาก คนทำมาหากินด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเขามี เขาก็ไม่หลบหรอก"
"แหม คิดอย่างเฮีย เมื่อไหร่จะรวยล่ะ" คุณนายค่อน ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ร้าน "แล้วนี่ หนูพุทรากับหนูมะยมไปไหน ไม่มาช่วยเฮียขายของหรอ"
"วันนี้เขาขออนุญาต ออกไปซื้อดอกไม้มาร้อยมาลัยให้พ่อตุ่น ชุมพลเขา" สิ้นคำเฮียบวบ คุณนายแจ่มถึงกับยกมือทาบอก
"ตายแล้ว นี่เฮียปล่อยให้ลูกสาวเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรอ เป็นสาวเป็นนาง ให้ของผู้ชายได้ยังไง"
"ก็ไม่เห็นจะมีอะไร นานทีปีหน ก็แค่พวงมาลัยดอกไม้ ไม่ได้ติดแบ้งค์พันเป็นพวงๆ สักหน่อย" คุณนายชะงักกึกทันทีกับประโยคหลัง นี่เฮียบวบรู้ได้ยังไงว่าเราเตรียมมาลัยแบ้งค์พันให้พ่อตุ่น ชุมพล เฮียหลอกด่าเราหรือเปล่าเนี่ย
หันไปหาลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เห็นกำลังกลั้นยิ้ม จึงขึงตาใส่ ก่อนจะตัดบท
"แหม มีอย่างนั้นด้วยหรือนี่ ชั้นไม่ยักรู้" พูดกลบเกลื่อนเสร็จแล้วก็เอ่ยลา "งั้นชั้นไปก่อนนะเฮีย เดี๋ยวพวกลูกหนี้รู้ตัว หลบไปเหมือนเมื่อวานอีก" ว่าแล้วก็ชวนลูกสาวเดินออกไปเก็บดอกลูกหนี้ทันที เฮียบวบมองตาม ก่อนจะคว้ากีต้าร์มาฮัมเพลงเหมือนเคย
คุณนายเดินเก็บดอกชาวตลาดจนเสร็จในเวลาสายๆ จึงเดินออกมาทางด้านหน้าตลาดพร้อมพัชรา แล้วสายตาก็ไปสังเกตเห็นที่วินมอเตอร์ไซค์นั่น
ทุยกำลังประคองแม่ขวัญให้นั่งลงบนเก้าอี้ประจำของวินมอเตอร์ไซค์ หลังจากพาแม่ไปหาหมอน้ำมนต์ที่อนามัยมาแล้ว เห็นดังนั้นคุณนายสาวเท้าก้าวเข้าไปหาทันที พัชราขยับจะเรียกก็ไม่ทัน จำต้องเดินตามแม่ไป
คุณนายแจ่มเดินมาถึงก็ร้องทัก "แม่ขวัญ..." แม่ขวัญของทุยหันมา พอรู้ว่าเป็นใครก็นิ่งไปนิด ก่อนจะตอบ
"อ้าว คุณนายแจ่ม" ตอบได้แค่นั้นก็นิ่งไป พัชราเหลือบตาไปมองทุยก็เห็นสายตาเขาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อตาสบกัน ต่างก็หลบสายตากันและกัน
"สบายดีหรอ" คุณนายแจ่ม พลางมองสำรวจแม่ขวัญ
"เพิ่งไปหาหมอมา ชั้นก็เจ็บออดๆแอดๆ อย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว" แม่ขวัญว่าเสียงเรียบ คุณนายแจ่มนิ่งไปครู่ก่อนจะพูดออกมา
"ชั้นก็กำลังจะกลับบ้านหมือนกัน เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้านก็แล้วกันนะ" สิ้นคำคุณนายแจ่ม พัชราหันมามองหน้าแม่ทันที เห็นสีหน้าแม่แล้ว ไม่กล้าค้านอะไรทั้งสิ้น
ทุยเองก็หันไปมองแม่ขวัญของเขา เขาค่อนข้างมั่นใจ ว่าแม่จะตอบว่าอย่างไร ก็คุณนายแจ่มนี่ไม่ใช่หรอที่ยึดทั้งที่นาและน้องโง้งของเขาไป แม่จะยอมไปญาติดีกับคุณนายแจ่มได้ยังไง
แต่เขากลับได้ยินแม่ตอบว่า "งั้นก็ขอบใจนะ" คำพูดตอบรับนั้นทำให้ทุยต้องหันมามองหน้าแม่ แต่แม่ไม่ได้พูดอะไรไปกว่า "ทุย ช่วยพยุงแม่ไปที่รถคุณนายหน่อย"
รถยุโรปคันยาวของคุณนายจึงมีพัชรา คุณนายและแม่ขวัญนั่งอยู่ในตอนหลัง ทุยกับตาปุ่นขับนั่งอยู่ตอนหน้า แล้วรถก็ขับเคลื่อนออกไปจากตลาดอย่างนิ่มนวล | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 31, 2007 9:09 pm | |
| บรรยากาศในรถนั้นเงียบ แต่ในความเงียบนั้น มันเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นคุกรุ่นอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรกับใคร ต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนเองจวบจนรถมาถึงบ้านของทุย
คุณนายลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ "ที่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ" คุณนายหันไปพูดกับแม่ขวัญ
"ใช่ มันไม่เคยเปลี่ยน" แม่ขวัญรับเสียงเรียบ
"ปีนี้ทำนาได้ข้าวเยอะไหม" คุณนายหันมาถาม
"ชั้นไม่มีนาให้ทำอีกแล้ว" แม่ขวัญตอบเสียงขื่น หันมามองคุณนาย
"คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเพราะอะไร" สิ้นคำพูดแม่ขวัญ คุณนายอึ้งไป ก่อนจะรีบปรับสีหน้า แล้วว่า
"ชั้นอยากไปดูหลังบ้านหน่อย ไม่รู้ต้นมะขามยังอยู่หรือเปล่า"
"งั้นชั้นจะพาไป" แม่ขวัญเอ่ยเสียงเรียบ แล้วทั้งสองก็พากันเดินออกไปทางหลังบ้าน
ทุยกับพัชรามองแม่ตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ ต่างคนต่างไม่เข้าใจว่าแม่ของตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แล้วสุดท้าย สายตาก็มาสบกันจนได้
ทุยสบตาแล้วถามเบาๆ "คุณเก็บสร้อยของผมไว้หรือเปล่า"
"ชั้นรู้หรอกน่าว่าอะไรมีค่า อะไรไม่มีค่า" พัชราตอบแล้วเมินไป
"ขอบคุณ...ที่ยังคิดว่าของๆผมมีค่า" ทุยว่าแล้วยิ้มนิดๆ "แล้วก็ขอบคุณที่คุณเก็บของผมไว้ ไม่เอาไปให้คุณนาย"
"รู้ได้ยังไงว่าชั้นไม่ได้เอาไปให้คุณแม่" พัชราหันมามองหน้ายิ้มๆ
"ตอนนี้คุณแม่อาจจะเก็บสร้อยเส้นนั้นของนายไว้ก็ได้ ไม่ดีหรอ เวลาไถ่คืน นายจะได้ไปไถ่สร้อยกับแม่ชั้นไง"
ทุยหันมามองหน้าพัชราเต็มตา รอยยิ้มจางหายไป ดวงตาเข้มขึ้นเรื่อยๆ "ทำไมคุณชอบดูถูกผมจังนะ คุณเห็นว่าผมเป็นคนยังไง ผมเลวมากในสายตาคุณ งั้นหรอ"
พัชราอึ้งไปทันที ออกจะตกใจกับคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของเขา แล้วยิ่งสายตาเข้มๆ ที่เขามองมานั่นอีก ที่ทำให้รู้สึกกลัว "ชั้นไม่ได้..."
"ไม่ได้อะไร..."ทุยถาม จ้องตานิ่ง พัชราพูดไม่ออก ทุยจึงพูดต่อ
"คุณรู้ไหม ว่าที่นี่เป็นบ้านผม คุณมาดูถูกผมถึงบ้านของผมเอง ผมมีสิทธิทำอะไรกับคุณก็ได้นะ" ทุยว่าแล้วมองพัชรา หัวเราะหึหึ
พัชรามองอย่างระแวงทันที "นายจะทำอะไร นี่แม่ชั้นก็อยู่นะ ตาปุ่นก็อยู่" แข็งใจขู่ไป แต่ทุยกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ตาปุ่นก็แก่ คุณนายก็แก่ คุณคิดว่าจะมีใครช่วยคุณได้" ทุยว่าแล้วสาวเท้าเข้ามาหา พัชราก็ถอยหลังหนี
"นี่ นายอย่าทำบ้าๆ นะ ชั้นไม่ได้.." พัชราพูดตะกุกตะกัก
"ชั้นไม่ได้คิดดูถูกนายเลย" พัชราถอยไปจนหลังติดต้นคูณที่ออกดอกสีเหลืองพราว ทุยก้าวเข้ามาใกล้ๆ ไม่ให้ถอยหนีไปไหนได้
"ถ้าคุณไม่ได้คิด แล้วทำไมชอบพูดดูถูกผมอยู่เรื่อย" เดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดมองตา
พัชราตัวแข็ง ตัวชิดติดกับต้นคูณไม่สามารถไปไหนได้ มองตาเขาแล้วพูดไม่ออก "ชั้นก็แค่ แกล้งนายให้เจ็บใจเล่นเท่านั้น ชั้น..."
"ชั้นยังเก็บสร้อยเส้นนั้นอยู่ คุณแม่ไม่รู้เรื่องนี้หรอก"
ทุยได้ยินก็อมยิ้ม "งั้นหรอ.."
"ก็ใช่น่ะสิ นายรู้แล้วก็ปล่อยชั้นได้แล้ว" พัชราบอกเสียงเบา
"ปล่อยอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลย" ทุยว่า แต่ยังไม่ขยับเขยื้อนตัว พัชรามองแล้วค้อนให้ "นายแกล้งชั้น...ใช่ไหม"
"อย่ามาตู่ ผมไปแกล้งคุณตรงไหน ผมไม่ได้โดนตัวคุณแม้สักปลายเล็บเลยนะ ผมยืนของผมเฉยๆ คุณก็เดินออกมาสิ" ทุยมองคนตรงหน้ายิ้มๆ
"แต่ถ้าเดินออกมาแล้วโดนตัวผมเอง ก็ช่วยไม่ได้" ฮิ้วววววววววว
พัชราหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าดี ดูสิ ช่างยืนได้นิ่งราวกับเคารพธงชาติอย่างนั้นแหละ ยืนใกล้กันอย่างนี้จะหลบไปไหนได้
ในขณะที่พัชรากำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น เสียงที่เป็นเหมือนเสียงสวรรค์ของพัชราในตอนนี้ก็ดังขึ้นทันที
"เพชรชี่ อยู่ไหนน่ะ กลับกันได้แล้ว" เสียงคุณนายแจ่มนั่นเองที่ดังมาเข้าหู ทุยรีบถอยออกมาทันที พร้อมๆ กับพัชราที่รีบเดินมาหาแม่เช่นกัน
ทั้งสองมัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง จนลืมสังเกตว่าน้ำเสียงคุณนายแจ่มนั้นดูแปลกไป
"กลับบ้านได้แล้ว เพชรชี่" คุณนายแจ่มว่าแล้วหันไปทางทุย ยังยิ้มหวานให้เหมือนเดิม
"ชั้นไปก่อนนะพ่อทุย มีอะไรเดือดร้อนก็มาหาชั้นได้ ขอให้คิดถึงชั้นก่อนคนอื่นนะ" ทุยยิ้มแต่ไม่ได้รับคำ คุณนายแจ่มจึงเดินไปขึ้นรถ พัชราเดินตามไปโดยไม่มองใคร แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุยมองรถแล้วยิ้มนิดๆ ในใจนึกถึงเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ใจเต้นแรง เขาลืมสังเกตแม่ขวัญของเขาที่เดินมามองคุณนายแจ่มขึ้นรถ หน้าตาแม่ขวัญดูคิดหนักกว่าเคย | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 31, 2007 9:10 pm | |
| เวลาแห่งความสุขสำราญของชาวบ้านทุ่งแมกโนเลียมาถึงแล้ว เวลาที่ทุกคนรอคอย.....คืนนี้ลิเกวัยรุ่น ตุ่น ชุมพลจะทำการแสดง....
ชาวบ้านทุ่งต่างพากันตื่นเต้น นานๆ จะมีงานใหญ่ๆ อย่างนี้สักที ต่างพากันเตรียมตัวไปงานวัด และหอบเสื่อไปปูหน้าโรงลิเกตั้งแต่หัวค่ำ
หมิงกับเซเรน่าเดินมาที่หน้าศาลาวัดตอนสองทุ่ม ผู้คนคลาคล่ำกับเข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศครึกครื้นจนเซเรน่ามองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น
"น่าสนุกจังเลยหมิง" เซเรน่าหันมาพูดกับเพื่อน หมิงหันมาพยักหน้า "สนุกสิเซร่า เดี๋ยวลิเกพี่ตุ่นเล่นแล้วจะยิ่งสนุกใหญ่เลย"
"เอ๊ะ นั่น ร้านนั้น มีใครมามุงอะไรน่ะ" เซเรน่าชี้มือให้หมิงดู หมิงมองตามก่อนจะพยักหน้า
"อ๋อ ร้านคุ้กกี้แม่เนิก สงสัยมาเปิดร้านขายงานนี้ด้วย คุ้กกี้ร้านนี้นะเซร่า เป็นคุ้กกี้เจ้าดังของโคกสารินเลยนะ อร่อยมากเลย"
"จริงหรอ แหมน่ากินจังนะ" เซเรน่าว่า ก่อนจะมองไปอีกร้าน "อุ๊ย นั่น หมิง ลูกชิ้นปิ้ง"
หมิงมองตามก็เห็นรถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งกำลังเข็นมาขายแต่ไกล ท่าทางน่ากิน ทำให้หมิงลืมตัวไปชั่วขณะ "น่ากินจังเลยอ่ะ เซร่า เดี๋ยวหมิงไปซื้อมากินดีกว่า"
"งั้นชั้นไปด้วยนะ"
"เซร่าไม่ต้องไปหรอก อยู่นี่แหละ เดี๋ยวหมอต่ายมาแล้วจะไม่เจอ" หมิงว่า เซเรน่าได้ยินชื่อนั้นแล้วทำหน้าเบ้ "เขาอาจจะไม่มาแล้วก็ได้ คนอย่างเขาน่ะ ไม่ชอบดูลิเกหรอก ชั้นรู้ "
"น่า เขาบอกว่าจะมาก็ต้องมาสิ เดี๋ยวเซร่ารอที่นี่แหละ หมิงไปซื้อลูกชิ้นก่อน" แล้วหมิงก็เดินออกไปซื้อลูกชิ้นปิ้งที่เข็นมาขายข้างโรงลิเก
เซเรน่าถอนหายใจ ยืนรออย่างเบื่อๆ ในใจก็นึกว่า คนอย่างเขาน่ะหรือจะมางานแบบนี้ ที่นี่คงไม่ใช่ที่ๆเขาจะมายืนเก๊กหรอก
มองร้านค้าและของที่มาขายเพลินๆ จนสายตาไปปะทะกับลูกโป่งสวรรค์สีสวยที่คนขายถือมาเป็นพวง เซเรน่าสาวเท้าเข้าไปหาทันที
เดินมาถึงพ่อค้าลูกโป่งแล้วก็ร้องสั่งเสียงใส "เอาลูกโป่งสีชมพูลูกหนึ่ง พ่อค้า"
สั่งเสร็จแล้วก็ควักกระเป๋ากางเกงหาเศษตังค์ แต่....หาเท่าไหร่ก็ไม่มี เซเรน่าอึ้งไป มองพ่อค้าแล้วยิ้มแหยๆ พยายามหากระเป๋ากางเกงครบทุกกระเป๋าก็ยังไม่เจอตังค์สักเหรียญ
"อ้าว น้องจะเอาไหมลูกโป่ง" พ่อค้าเริ่มรำคาญหน่อยๆ เซเรน่าหัวเราะแหะๆ "คือว่า หนูไม่มีเงินน่ะพี่"
"ไม่มีเงินแล้วมาซื้อของได้ไง"พ่อค้าโวย เซเรน่าหันรีหันขวาง รับลูกโป่งเขามาแล้วจำต้องยื่นส่งคืนให้พ่อค้า
แต่ไม่ทันที่จะส่งคืนให้ ก็มีมือๆ หนึ่งส่งเงินพ่อค้าแทน
"เอ้านี่ครับ ค่าลูกโป่ง" เสียงใหญ่ๆ นั้นเซเรน่าจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร เมื่อหันไปจึงเห็นว่าเป็นตรัยนั่นเอง
"อ้าว คุณจะจ่ายเงินค่าลูกโป่งให้เด็กคนนี้หรอครับ" พ่อค้าถาม คำว่าเด็กคนนี้ทำให้เซเรน่าฟังแล้วทำหน้าบึ้งทันที แต่ตรัยกลั้นยิ้ม พร้อมพยักหน้า
"ใช่ครับ ผมเป็นผู้ปกครองเขาเอง" ตรัยพูดแล้วทำหน้าตาเฉย แต่เซเรน่าทำหน้าตาแปลกๆ
"อ้อ หรอครับ" พ่อค้าพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินจากไป
เมื่อพ่อค้าเดินออกไปแล้ว ตรัยก็หันมาทางเซเรน่า "ทำไมไม่เอาเงินมา นึกว่าของเขาให้ฟรีๆ หรือไง"
"รู้แล้วน่าว่าเขาไม่ได้ให้ฟรี แต่ว่า" เซเรน่าทำหน้ามุ่ย "แต่ว่า ตังค์มันหายจะให้ทำยังไง"
"อะไรนะ ยังไม่เท่าไหร่เลยทำเงินหายแล้ว ก็งานวัดคนเยอะแยะ ทำไมไม่ระวังให้ดี" ตรัยดุเบาๆ "เงินน่ะสำคัญมาก นี่คงไม่ใด้ระวังตัวอะไรเลยล่ะสิ"
"ก็ระวังแล้ว แต่..." เซเรน่าค้าน แต่ถูกตรัยขัดขึ้นมาอีก "ไม่ต้องเถียงเลย อย่างนี้ไม่เรียกระวังหรอก โตก็โตแล้วนะเนี่ย แล้วลูกโป่งนี่ก็อีก จะซื้อมาทำไม นี่มันของเด็กเล่นนะ"
"ก็สีมันสวยดี" เซเรน่าว่าเสียงอ่อย อยากจะเถียงเขา แต่ไม่รู้ทำไมเถียงไม่ออกซะที ความกล้า ความกวนที่อยากเอามาใช้กวนเขาในตอนนี้มันหายไปหมดเมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมา
สายตาดุๆ นั้น ไม่ได้ทำให้เซเรน่ากลัว แต่มันสร้างความรู้สึกบางอย่าง
"แล้วมันจะใช้ทำอะไรได้บ้างล่ะ หือ" ตรัยยังดุต่อไป แต่น้ำเสียงนั้นไม่ได้มีความกราดเกรี้ยวแม้แต่น้อย
"ของบางอย่างอาจจะใช้ทำอะไรไม่ได้ แต่เรากลับต้องการมันนะ" เซเรน่าตอบเบาๆ
"งั้นหรอ" ตรัยฟังแล้วนิ่งไป ก่อนจะสั่ง "งั้นเอาลูกโป่งมา"
เซเรน่าชะงัก รีบปฏิเสธ "เรื่องอะไร ลูกโป่งของชั้นน่ะ ชั้นอยากได้ ถึงมันจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ก็ตาม นายไม่เข้าใจหรอก คนวัตถุนิยมอย่างนายไม่เข้าใจหรอก อย่ามายุ่งกับลูกโป่งของชั้นนะ"
"แต่ผมเป็นคนซื้อลูกโป่งลูกนี้ คุณอย่าลืมสิ นี่มันเงินผม" ตรัยค้าน เซเรน่าอึ้งไปทันที มันก็ถูกของเขา ลูกโป่งลูกนี้ เธอไม่มีสิทธิเลยสักหน่อย เซเรน่าหน้าบึ้ง จำใจต้องยืนลูกโป่งส่งให้เขา แต่ยังไม่วายบ่นเบาๆ
"นึกว่าจะใจดีซื้อให้ ที่แท้ก็..."
ตรัยฟังแล้วส่ายหน้า รับลูกโป่งมาแล้วออกคำสั่งอีก "ยื่นมือมา.."
เซเรน่าหันมามองหน้าอย่างงงๆ "นายจะทำอะไร" แต่ตรัยก็ยังย้ำ "บอกให้ยื่นมือมาไง"
ไม่รู้อะไรสิน่า ที่ทำให้เซเรน่าต้องทำตามคำสั่งชายหนุ่มอีกแล้ว ค่อยๆ ยื่นมือมาข้างหน้า ตรัยทำหน้าเฉย ค่อยๆ เอื้อมมือมาจับมือเซเรน่าให้อยู่นิ่ง แล้วเอาด้ายที่เป็นสายลูกโป่งมาผูกที่ข้อมือเซเรน่าอย่างตั้งใจ
เซเรน่าเผลอมอง ในใจรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นเขาตั้งใจผูกข้อมือนั้นจนเสร็จ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเร็ว จนเซเรน่าหลบไม่ทัน
ตรัยเลิกคิ้ว ก่อนจะทำหน้าเฉย "อ่ะ ผูกไว้ ซุ่มซ่ามอย่างนี้ เดี๋ยวก็ทำลูกโป่งลอยหายไปอีก ขี้เกียจดูคนร้องไห้เสียดายลูกโป่ง"
เซเรน่ามองเขาแล้วหลบตา บ่นอุบอิบ "เว่อร์อีกแล้ว ใครจะไปร้องไห้ แค่ลูกโป่งหาย ไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อย"
"คนที่เขาซื้อลูกโป่งน่ะ เด็กทั้งนั้นแหละ" ตรัยว่า "แล้วอีกอย่างหนึ่ง..."
"เอาสายลูกโป่งผูกข้อมือไว้ จะได้เดินไปด้วยกันได้ ไม่หลง" แล้วตรัยก็ยิ้มนิดๆ "หรือถึงหลง ผมก็คงจะหาเจอ..."
เซเรน่าฟังแล้วแกล้งทำหน้างอ แต่ก็อดยกข้อมือข้างที่ผูกสายลูกโป่งไว้ขึ้นมาดูไม่ได้ ในใจนั้นเกิดอารมณ์ดีขึ้นมาแปลกๆ ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีเรื่องอะไร | |
|
| |
kkat เด็กยกไฟ
เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 124 Registration date : 25/12/2006
| เนเธฃเธทเนเธญเธ: Re: มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย Sat Mar 31, 2007 9:11 pm | |
| หมิงยืนรอซื้อลูกชิ้นปิ้งที่พ่อค้ากำลังปิ้งอย่างรีบเร่ง เพราะลูกค้ามารอซื้อหลายคน ลูกชิ้นเจ้านี้อร่อยขึ้นชื่อซะด้วยสิ
กำลังยืนรออยู่ดีๆ หางตาก็หันไปเห็นใครบางคนกำลังเดินผ่านไป ท่าทางเขารีบเร่งน่าดู หมิงชะงัก เขม้นมองจนแน่ใจ
นั่นมันพี่ก่อนี่นา หมิงคิด แล้วทำไมต้องทำท่ารีบร้อนอย่างนั้นด้วย มันช่างผิดวิสัยคนอารมณ์ศิลป์อย่างเขาจริงๆ หมิงคิดอย่างแปลกใจ แล้วก็อดจะสงสัยไม่ได้
หมิงจึงผละจากลูกชิ้นปิ้งเจ้าโปรด รีบเดินตามบุญก่อไปทันที เดินไปก็สงสัยตัวเอง ที่เรายอมทิ้งลูกชิ้นเจ้าโปรดเพื่อตามคนดุๆ คนนั้นเนี่ยนะ เราคงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
หมิงสาวเท้าตามบุญก่อไปเกือบจะทันแต่ก็ไม่ทันทุกที ตัวก็เล็กทำไมเดินเร็วจังนะ หมิงคิดขณะที่กวาดสายตามองหา
ที่ตรงนี้ใกล้กับบริเวณโรงลิเก ผู้คนจึงหนาตากว่าปกติ หมิงเลยคลาดกับบุญก่อจนได้
"อ้าว ไปไหนแล้วเนี่ย" บ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วยืนหันรีหันขวาง ก่อนจะเห็นหลังของบุญก่อเดินออกไปทางหลังวัด หมิงยิ้มอย่างดีใจ รีบเดินตามไปโดยเร็ว
เดินไปจนถึงลานลั่นทมในเขตหลังวัด บุญก่อก็หายไปจากสายตาหมิงอีก ทำเอาหมิงยืนงง แต่ก็ตัดสินใจก้าวเดินออกไป
เดินออกไปไม่กี่ก้าวก็มีมือๆ หนึ่งเอื้อมมือมาจับไว้ แล้วดึงเข้ามาหา หมิงสะดุ้ง ใจหายวาบ ร้องออกมาดังลั่น
"โอ้ยๆ อะไรน่ะ ผีหรือเปล่า หนูกลัวแล้ว อย่ามาหลอกหนูเลย" หลับหูหลับตาร้องเสียงดัง แถมสะบัดมือข้างที่โดนจับด้วยนะ แต่ก็ไม่ยอมหลุดซะที
มือนั้นนอกจากไม่ยอมหลุดแล้วยังจับแน่นขึ้นอีก แน่นเข้าจนหมิงเอ๊ะใจ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นดู เอาละวะ เป็นไงเป็นกันสิน่า
เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปยังมือที่โดนจับไว้ก็เห็นว่าเป็นมือคนธรรมดาไม่ใช่ผีที่ไหน เมื่อเงยหน้าขึ้นดูจึงเห็นว่าใครกำลังจับมือตัวเองอยู่
"พี่ก่อ" หมิงเผลอร้องเรียก บุญก่อนั่นเองกำลังจับมือหมิงอยู่ สีหน้าเรียบเฉย
"มาทำอะไรที่นี่ ตามพี่ เอ๊ย ตามผมมาหรอ"
"เอ่อ เปล่าสักหน่อย หมิงแค่มาเดินเล่น" หมิงรีบปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก บุญก่อหัวเราะหึหึ "มาเดินเล่นหลังวัดเนี่ยนะ เดินไปอีกนิดนึงก็ถึงป่าช้าแล้ว จะเข้าไปเดินเล่นด้วยไหมล่ะ"
"เอ่อ...ไม่ค่ะ...ไม่" หมิงหลบสายตา พูดไม่ออก "ก็หมิงเห็นพี่ก่อเดินมา...ทางนี้ ก็เลยตามมา พี่ก่อมาทำอะไร"
"ช่างสงสัยจริงนะ" บุญก่อว่า ก่อนจะคิด เออ ก็เหมือนเรานี่หว่า คิดแล้วยิ้มกับตัวเอง "เมื่อกี้พี่ เอ๊ย ผมเห็นลุงต้อยเดินมาทางนี้ก็เลยเดินตามมาเท่านั้นเอง"
"แล้วลุงต้อยจะมาทำอะไรแถวนี้"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เลยตามมานี่ไงล่ะ แต่เสียดายที่มาไม่ทัน" บุญก่อตอบ มองไปที่หมิง "ส่วนสาเหตุที่ตามไม่ทันน่ะ ก็เพราะต้องมายืนรอใครบางคนนี่แหละ" พูดแล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้ หมิงได้แต่ยิ้มแหย
"เป็นผู้หญิงน่ะ สงสัยอะไรก็เก็บเอาไว้ในใจ หรือไปบอกคนอื่นก็ได้ ไม่ใช่นึกจะตามมาก็ตามมาอย่างนี้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำยังไง แล้วถ้าไม่ใช่ผมจะเป็นยังไง คิด ซะบ้างสิ"
"ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ตามมาหรอก" หมิงพูดเบาๆ แต่บุญก่อไม่ได้ยิน จึงถามย้ำ "เมื่อกี้ว่าไงนะ...."
หมิงรีบสายหน้า "ไม่มีอะไรค่ะ หมิงบ่นอะไรไปตามเรื่อง"
"อืม แล้วที่สอนไปก็จำด้วยนะ ใครๆ..." บุญก่อเน้นคำหลัง "เขาจะได้ไม่เป็นห่วง" หมิงหันมามองหน้า ก็เห็นสายตาแปลกๆ ของบุญก่อแว้บหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาเรียบเฉยเหมือนเดิม
แล้วหมิงก็หันไปมองมือบุญก่อที่ยังจับค้างอยู่ "เอ่อ...มือ .." หมิงตะกุกตะกัก
บุญก่อมองตาม ยิ้มนิดๆ "มือทำไม"
"พี่จะปล่อยได้หรือยัง..มืออ่ะ" หมิงพูดเบาๆ บุญก่อหัวเราะหึหึ มองมือที่จับนั้นแล้วค่อยๆ ปล่อยทันที
"ขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ เอ่อ คงไม่ได้ตั้งใจ" หมิงพูดแล้วหลบตา บุญก่อเหล่มอง ก่อนจะพูดเปรยๆ
"ใครว่า..."พูดแล้วหยุดไป ก่อนจะต่อว่า "คนอย่างพี่ เอ้ย ผม ถ้าไม่ตั้งใจไม่ทำหรอก" | |
|
| |
| มนต์รักทุ่งแมกโนเลีย | |
|